แบงก์กรุงศรีหั่นศก.ไทยโต2.9%
ธนาคารกรุงศรีฯ ปรับลดเศรษฐกิจไทยโต 2.9% ส่งออกติดลบ 2.8% คาด ธปท.ลดดอกเบี้ยช่วยเดือน พ.ย.นี้
ธนาคารกรุงศรีฯ ปรับลดเศรษฐกิจไทยโต 2.9% ส่งออกติดลบ 2.8% คาด ธปท.ลดดอกเบี้ยช่วยเดือน พ.ย.นี้
นายสมประวิณ มันประเสริฐ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานวิจัยและหัวหน้าทีมวิจัยเศรษฐกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า กรุงศรีปรับลดประมาณการการเติบโตของเศรษฐกิจปีนี้เป็น 2.9% จาก 3.2% เป็นการปรับลดลงติดต่อกันเป็นครั้งที่ 3 สะท้อนการขยายตัวในอัตราที่ลดลงในไตรมาส 2 และ ไตรมาส 3 ผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกส่งผลชัดเจนมากขึ้น และสงครามการค้าทวีความรุนแรง ขณะที่ความเชื่อมั่นในประเทศลดลง
ธนาคารกรุงศรีคาดว่า การส่งออกน่าจะติดลบในปีนี้ -2.8% ส่งออกไทยได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและผลกระทบจากสงครามการค้า ซึ่งภาคส่งออกมีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย มีสัดส่วนคิดเป็น 50% ของ จีดีพี
ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งแรกของปี ยอดส่งออกไทยปรับลดลง 2.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จำนวนอุตสาหกรรมที่มีการส่งออกลดลงคิดเป็น 87% ของอุตสาหกรรมที่มีการส่งออกทั้งหมด นำโดยกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เคมีภัณฑ์ และยานยนต์
การหดตัวของส่งออกในครึ่งปีแรก ส่งผลต่อ 66% ของอุตสาหกรรมไทย ส่วนใหญ่เป็นผลกระทบทางลบโดยอ้อมในหลายๆกลุ่มธุรกิจ ผลกระทบระดับรุนแรง ได้แก่ กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และเคมีภัณฑ์ ส่วนผลกระทบปานกลาง อาทิ กลุ่มยานยนต์ เครื่องจักรและอุปกรณ์ เป็นต้น
นอกจากนี้ การจ้างงานในอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบคิดเป็น 80% ของแรงงานทั้งหมด แต่ส่วนใหญ่เป็นภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบน้อย สะท้อนว่าผลกระทบเชิงลบต่อกำลังซื้อของแรงงานน่าจะอยู่ระดับปานกลาง โดยแรงงานที่ได้รับผลกระทบส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อยที่มีค่าจ้างต่อเดือนต่ำกว่า 15,000 บาท
ด้านปัจจัยเสี่ยงทางเศรษฐกิจ มองความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกมีมากกว่าปัจจัยในประเทศ ความเสี่ยงส่วนใหญ่เป็นปัจจัยนอกประเทศ เช่น เศรษฐกิจจีนที่อาจชะลอลงกว่าที่คาด ความเสี่ยงด้านความมั่นคงของโลก เช่น เหตุการณ์ในตะวันออกกลาง และผลกระทบจากสงครามการค้า
ขณะที่สถานการณ์โจมตีในซาอุ ส่งผลกระทบในระยะสั้น โดยปริมาณสำรองน้ำมันโลกมีเพียงพอประมาณ 1 เดือน คาดราคาน้ำมันดิบดูไบที่ 66.50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งไม่ได้เป็นระดับที่หวือหวามากนัก และผลกระทบต่อเศรษฐกิจมีไม่มาก แต่สิ่งที่น่ากังวลคือ เศรษฐกิจชะลอตัวลง ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อ
นายสมประวิณ กล่าวว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยน่าจะฟื้นตัวในไตรมาส 4 ด้วยปัจจัยหนุนจากการผ่อนคลายนโยบายการเงิน คาดธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายในเดือนพ.ย.นี้ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล รวมถึง นอกจากนี้ ผลกระทบจากปัจจัยต่างประเทศน่าจะค่อยๆ ลดลง จากการที่ธนาคารกลางของประเทศสำคัญต่างๆ ใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งหลังของปี 2562 คาดเศรษฐกิจจะอยู่ในช่วง 3.2-3.4% และในปีหน้า คาด GDP โตที่ 3.5% ฟื้นตัวขึ้นจากปัจจัยหนุนในประเทศ กำลังซื้อน่าจะกระเตื้องขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ซึ่งจะช่วยพยุงไม่ให้เศรษฐกิจไทยปรับลดลงตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก