posttoday

กรมสรรพากรไม่พลาดรีดภาษี2ล้านล้านบาท

12 กันยายน 2562

สรรพากรเก็บรายได้ 11 เดือน ปีงบประมาณ 2562 เกินเป้าหมาย 3.6 หมื่นล้านบาท

สรรพากรเก็บรายได้ 11 เดือน ปีงบประมาณ 2562 เกินเป้าหมาย 3.6 หมื่นล้านบาท

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ผลจัดเก็บภาษีสรรพากร 11 เดือนของปีงบประมาณ 2562 (ตุลาคม 2561 ถึง สิงหาคม 2562) จัดเก็บได้รวม 1.77 ล้านล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายตามเอกสารงบประมาณ (2.0 ล้านล้านบาท) 36,118 ล้านบาท หรือคิดเป็น 2.1% และสูงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน 85,548 ล้านบาท หรือ 5.1%

สำหรับผลจัดเก็บตามประเภทภาษีสำคัญมีรายละเอียดดังนี้

1. ภาษีเงินได้นิติบุคคล จัดเก็บได้ 554,121 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายเอกสารงบประมาณ 4,521 ล้านบาทและสูงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน 4.2% จากผลประกอบการของนิติบุคคลในปีก่อนที่ปรับตัวดีขึ้น

2. ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม จัดเก็บได้ 99,556 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายเอกสารงบประมาณ 52,986 ล้านบาท และสูงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน 56.6% จากการเร่งรัดติดตามจัดเก็บภาษีกับผู้ประกอบการปิโตรเลียม และราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา

3. ภาษีธุรกิจเฉพาะ จัดเก็บได้ 56,539 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายเอกสารงบประมาณ 1,193 ล้านบาท และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 2.4% จากการเร่งโอนอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น ก่อนมาตรการควบคุมสินเชื่อบ้านหลังที่สองในเดือนเมษายน 2562

4. อากรแสตมป์ จัดเก็บได้ 14,680 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายเอกสารงบประมาณ 352 ล้านบาท และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 5.5% จากการจัดเก็บภาษีจากสัญญาและตราสารเพิ่มขึ้นตามโครงการลงทุนภาครัฐและเอกชน

5. ภาษีมูลค่าเพิ่ม จัดเก็บได้ 736,416 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายเอกสารงบประมาณ 22,188 ล้านบาท แต่สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 1.2% จากผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ ซึ่งส่งผลต่อการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากการนำเข้าเป็นสำคัญ

นายเอกนิติ กล่าวว่า การจัดเก็บภาษีของกรมสรรพากร แม้จะได้รับผลกระทบจากปัจจัยเศรษฐกิจภายนอกประเทศ เช่น สงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ อย่างไรก็ดี ในช่วงที่เหลือของปีงบประมาณ 2562 กรมสรรพากรจะเพิ่มประสิทธิภาพและเร่งรัดติดตามการจัดเก็บภาษี นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ในการบริหารจัดเก็บภาษี ทั้งนี้ กรมสรรพากรมั่นใจว่าในปีงบประมาณ 2562 จะสามารถจัดเก็บรายได้เป็นไปตามเป้าหมายเอกสารงบประมาณ 2.0 ล้านล้านบาท ซึ่งจะมีส่วนสาคัญในการรักษาเสถียรภาพทางการคลังของประเทศ ให้ยั่งยืนต่อไป