posttoday

"ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์"เตรียมขายไอพีโอ 150 ล้านหุ้น

11 กันยายน 2562

ระดมทุนรองรับแผนขยายธุรกิจ-เป็นทุนหมุนเวียน ชูจุดแข็งมีนักธุรกิจมากกว่า 2 แสนคน-สินค้าคุณภาพกว่า 60 รายการ

ระดมทุนรองรับแผนขยายธุรกิจ-เป็นทุนหมุนเวียน ชูจุดแข็งมีนักธุรกิจมากกว่า 2 แสนคน-สินค้าคุณภาพกว่า 60 รายการ

นายประเสริฐ ตันตยาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ (SCM) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้อนุมัติแบบคำขอเสนอขายหุ้นของบริษัทฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

โดยบริษัทฯ มีแผนเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 150 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็น 25 % ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วของบริษัทฯ ภายหลัง IPO โดยคาดว่าจะเสนอขายหุ้น IPO และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ภายในไตรมาส 4/62 หรือภายในต้นปี 2563

สำหรับการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหลักทรัพย์ เพื่อขยายธุรกิจ และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ

ทั้งนี้ SCM ดำเนินธุรกิจจำหน่ายสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์อุปโภคและบริโภคทั้งภายในประเทศและต่างประเทศในลักษณะเครือข่ายขายตรง (Multi-level Marketing หรือ MLM) โดยบริษัทฯ มีทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ 600 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท และมีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 225 ล้านบาท

ปัจจุบัน บริษัทฯ มีบริษัทย่อยทั้งหมด 3 บริษัท ประกอบด้วย บริษัท ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ แล็บบอราทอรี่ (SML) บริษัท ซัคเซส สปิริต (SPT) และ SCM Spirit (Myanmar) Co., Ltd. (SPM) ดำเนินธุรกิจใน 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มธุรกิจแบบเครือข่าย กลุ่มธุรกิจให้บริการคำปรึกษาในการดำเนินธุรกิจเครือข่ายและรับจัดงานสัมมนา และกลุ่มธุรกิจโรงงานผลิตสินค้า

นพ.สิทธวีร์ เกียรติชวนันต์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ เปิดเผยว่าบริษัทฯ ก่อตั้งขึ้นในปี 2555 เพื่อดำเนินธุรกิจจำหน่ายสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์อุปโภคและบริโภคทั้งในและต่างประเทศในลักษณะเครือข่ายขายตรง แบ่งเป็น 3 กลุ่มธุรกิจ ประกอบด้วย

1. กลุ่มธุรกิจแบบเครือข่าย จำหน่ายสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์อุปโภคและบริโภคทั้งในและต่างประเทศ เป็นธุรกิจหลักของกลุ่มบริษัทฯ จำแนกเป็น 6 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ได้แก่ 1. กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร 2. กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง 3. กลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนตัว 4. กลุ่มผลิตภัณฑ์สินค้าใช้ในครัวเรือน 5. กลุ่มผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร 6. กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี ซึ่งดำเนินธุรกิจโดย SCM

2. กลุ่มธุรกิจให้บริการคำปรึกษาในการดำเนินธุรกิจเครือข่ายและรับจัดงานสัมมนา ดำเนินธุรกิจโดย SPT และ SPM เพื่อสนับสนุนธุรกิจเครือข่ายในประเทศ และตัวแทนจำหน่ายสินค้าในต่างประเทศที่มีเครือข่ายสมาชิกและฐานลูกค้าเป็นของตนเอง และ

3. กลุ่มธุรกิจโรงงานผลิตสินค้า ดำเนินธุรกิจโดย SML ซึ่งปัจจุบันเป็นบริษัทย่อยที่จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นโรงงานผลิตสินค้าให้กับบริษัทฯ เท่านั้น

“จุดแข็งที่สำคัญของ SCM คือมีเครือข่ายสมาชิกเป็นจำนวนมาก โดยปัจจุบันมีสมาชิกกว่า 2 แสนคนทั่วประเทศ และมีสาขากระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาคของไทย 23 แห่ง อีกทั้ง ยังมีตัวแทนจำหน่ายสินค้าในต่างประเทศถึง 6 ประเทศ เพื่อเป็นช่องทางกระจายสินค้าในประเทศแถบเออีซี ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาการเติบโตเร็วมาก ก้าวสู่ 7 ปี สามารถสร้างยอดขายได้มากกว่า 1 พันล้านบาท/ปี และการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะช่วยตอกย้ำแบรนด์ของเราให้เป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค สร้างโอกาสในการเพิ่มฐานเครือข่ายสมาชิกและลูกค้า พร้อมผลักดันรายได้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญในอนาคต”

นายนพกฤษฏิ์ นิธิเลิศวิจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ กล่าวว่า การระดมทุนและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ครั้งนี้ นอกเหนือจากการได้รับเงินทุนไปใช้ในการขยายธุรกิจ และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการแล้ว สิ่งที่สำคัญคือการสร้างแบรนด์ "ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ " ให้แข็งแกร่ง และเป็นที่รู้จักในวงกว้างยิ่งขึ้น ควบคู่กับการสร้างความเชื่อมั่นให้ทุกคนรู้ว่าบริษัทฯ มีผลิตภัณฑ์หลากหลายกว่า 60 รายการ