posttoday

บล.บัวหลวง แนะ“หุ้นฮ่องกง”เน้นพื้นฐานดีราคาย่อตัว

10 กันยายน 2562

ในวิกฤตมีโอกาส ดัชนีฮั่งเส็งปรับฐานราว 7.6% นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ประท้วงครั้งใหญ่ แนะ 3 หุ้นดัง ผิงอัน เทนเซน เอ็มทีอาร์ 

ในวิกฤตมีโอกาส ดัชนีฮั่งเส็งปรับฐานราว 7.6% นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ประท้วงครั้งใหญ่ แนะ 3 หุ้นดัง ผิงอัน เทนเซน เอ็มทีอาร์ 

นายรัฐศรัณย์ ธนไพศาลกิจ ผู้อำนวยการ หัวหน้าฝ่าย Global Investing บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บัวหลวง กล่าวว่า นับตั้งแต่ประเทศฮ่องกงเกิดเหตุการณ์ประท้วงครั้งใหญ่ในช่วงต้นเดือนก.ค.จนถึงปัจจุบัน ส่งผลให้ดัชนีฮั่งเส็ง (HSI) ตลาดหุ้นฮ่องกง ปรับตัวลดลงแล้วเฉลี่ยราว 7.6% โดยหุ้นพื้นฐานดีหลายๆตัวย่อลงมาอยู่ในจุดที่น่าสนใจ ถือเป็นโอกาสดีในการหาจังหวะเข้าสะสม เพื่อถือลงทุนระยะยาว

สำหรับประเด็นการลงทุน นอกจากตลาดหุ้นฮ่องกงจะมีมูลค่าตลาดกว่า 120 ล้านล้านบาท ใหญ่กว่าไทยเกือบ 8 เท่าแล้วยังเป็นศูนย์กลางทางการเงินอันดับต้นๆของโลกอีกด้วย แม้ในช่วงที่ผ่านมาหลายฝ่ายจะมีความวิตกกังวลว่ารัฐบาลจีนเริ่มให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจฮ่องกงลดลงเรื่อยๆ จากอดีตเคยคิดเป็น 1 ใน 4 ของเศรษฐกิจจีน ปัจจุบันเหลือสัดส่วนไม่ถึง 5% ของเศรษฐกิจจีน แต่เชื่อว่าจีนยังคงต้องพึ่งพาฮ่องกงในเรื่องของตลาดเงินตลาดทุน เพราะตลาดหุ้นฮ่องกงมีกฎระเบียบเข้มงวดเป็นที่ยอมรับของต่างชาติ และมีสภาพคล่องสูง ทำให้ง่ายต่อการระดมทุน อีกทั้งค่าเงินดอลลาร์ฮ่องกงยังถือว่ามีเสถียรภาพมาก เพราะผูกกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ต่างจากค่าเงินหยวนจีนที่มีความผันผวนสูงกว่า ล่าสุดธนาคารกลางจีนได้ประกาศลดค่าเงินหยวน

ปัจจุบันดัชนีฮั่งเส็งประกอบไปด้วยหุ้น 50 ตัวที่มีขนาดใหญ่และสภาพคล่องสูง โดยสัดส่วน 64% เป็นบริษัทที่มีรายได้มาจากจีน เช่น เทนเซน โฮลดิ้งส์ Tencent Holding บริษัทเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในจีน แต่จดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง รองลงมาเป็นบริษัทที่มีรายได้จากฮ่องกงสัดส่วน 19% ที่เหลือเป็นบริษัทที่มีรายได้จากประเทศอื่นๆเฉลี่ย 16% จากข้อมูลดังกล่าวบ่งชี้ได้ว่า เหตุการณ์ประท้วงครั้งใหญ่ในฮ่องกงอาจไม่ใช่เหตุผลเดียวที่ทำให้ดัชนีฮั่งเส็งมีความผันผวน ฉะนั้นหุ้นพื้นฐานดีที่ปรับฐานลงมาในช่วงนี้นักลงทุนควรหาโอกาสทยอยสะสม


สำหรับคำแนะนำ นักลงทุนควรหาจังหวะเข้าลงทุน 3 หุ้นเด่น ประจำตลาดหุ้นฮ่องกง คือ 1.หุ้นผิง อัน หรือ Ping An (2318)บริษัทประกันใหญ่สุดของจีนครอบคลุมตั้งแต่ ประกัน ธนาคาร บริหารสินทรัพย์ รวมถึง ฟินเทค แลเฮลท์แคร์ ล่าสุดผู้บริหารตั้งเป้าให้ธุรกิจธนาคารของบริษัท (Ping An Bank)เป็นธนาคารชั้นนำในจีน ด้วยการนำเทคโนโลยีมาพัฒนา customer experienceรวมถึงลดต้นทุนในการทำธุรกรรมซึ่งทำให้บริษัทมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก ในเชิงมูลค่าหุ้นผิงอัน มีราคาปิดต่อกำไร(พี/อี เรโช )ปี 2563 เพียง 9.5 เท่า ขณะที่ราคาต่อมูลค่าหุ้นทางบัญชีอยู่ที่ 1.9 เท่า นับเป็นอีกหนึ่งหุ้นซุปเปอร์ สต็อก ที่น่าสนใจ

2.หุ้นเทนเซน หรือ Tencent (700 HK) บริษัทเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในจีน รายได้หลักมาจาก 1.ธุรกิจเกมออนไลน์ ROV Kingdom Craft สัดส่วน 33% ของรายได้ในปี 2561 ปัจจุบันถือเป็นบริษัทเกมที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีจำนวนผู้เล่นเกมมากที่สุดในจีน คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาดเกมในจีนที่ 42% และ 2.ธุรกิจโซเชียลเน็ตเวิร์ก เจ้าของแอปพลิเคชั่นชื่อดังวีแชต ( Wechat)คิดเป็นสัดส่วน 23% ของรายได้ในปี 2561 มียอดผู้ใช้งานมากถึง 1.1 พันล้านคน มากที่สุดในจีน

3.หุ้นเอ็มทีอาร์ หรือ MTR (66 HK) ผู้ประกอบการธุรกิจให้บริการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนทั่วฮ่องกง เกาะเกาลูน และเขตดินแดนใหม่ ปัจจุบันเปิดให้บริการสถานีรถไฟฟ้าทั้งหมด 160 สถานี นอกจากนั้นยังประกอบธุรกิจพื้นที่ให้เช่าภายในสถานีรถไฟฟ้า ห้างสรรพสินค้า รวมถึงอาคารสำนักงาน MTR โดยมีรัฐบาลฮ่องกงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ทำให้ได้รับสิทธิในการพัฒนาพื้นที่สำหรับสร้างรางรถไฟหรือคมนาคมทั่วฮ่องกง และบริเวณใกล้เคียง ล่าสุดบริษัทได้วางแผนขยายเส้นทางรางรถไฟอีก 7 สาย คาดว่าจะทำให้รายได้ของบริษัทเติบโตขึ้นอีก

ขณะเดียวกันยังแนะนำให้ทยอยสะสมอีทีเอฟ ที่สร้างผลตอบแทนตามดัชนีในฮ่องกงอย่าง ETF Tracker Fund HK (2800) ซึ่งเป็นอีทีเอฟ ที่สร้างผลตอบแทนล้อไปกับดัชนีฮั่งเส็ง ปัจจุบันมีมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันมากถึง 5 พันล้านบาท และมีค่าพี/อี ค่อนข้างถูกที่ 10.6 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี ถือเป็นขนาดกองที่ใหญ่ และมีสภาพคล่องสูงกว่าอีทีเอฟ อื่นๆในฮ่องกง

“ตลาดหุ้นฮ่องกง ถือเป็นอีกหนึ่งตลาดที่ได้รับการยอมรับจากบริษัทขนาดใหญ่ เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นจีน เพราะมีมูลค่าซื้อขายต่อวันยังสูงเฉลี่ย 4 แสนล้านบาท ทำให้หุ้นหลายตัวเป็นที่รู้จักในวงกว้าง ที่สำคัญยังมีทางเลือกการลงทุนอีกมาก สินค้าบางตัวหาไม่ได้ในตลาดหุ้นไทย เช่น หุ้นคาสิโนอย่าง หุ้น Galaxy (27) และหุ้น Sands China (1928) หรือแม้กระทั่งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์(รีท) ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียอย่าง ลิงค์ รีท หรือ Link REIT (823) ที่ลงทุนในโครงการอสังหาฯ 131 แห่ง ทั่วฮ่องกง และอีก 5 แห่งในจีน”นายรัฐศรัณย์ กล่าว