ALLA คาดผลประกอบการ 6 เดือนหลังของปี 62 โตตามแผน

รับรู้รายได้ 70-80% ของงานในมือ 533 ล้านบาท พร้อมเจาะตลาดใหม่

นายองอาจ ปัณฑุยากร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออลล่า (ALLA)เปิดเผยว่า ภาพรวมผลประกอบการของบริษัทฯในช่วงครึ่งหลังของปี 2562 นี้ คาดว่าจะเติบโตได้ตามแผน เนื่องจากหลายโครงการกำหนดส่งมอบในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ทำให้สามารถรับรู้รายได้ทันที อาทิ งานเครนของโรงไฟฟ้าบางปะกงคาดว่าจะรับรู้ในไตรมาส 3-ไตรมาส 4 ของปีนี้ งานโรงไฟฟ้าเฟสที่ 1 ของบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ ซึ่งจะทยอยรับรู้ตั้งแต่ครึ่งหลังของปีนี้จนถึงต้นปี 2563

ทั้งนี้ บริษัทฯคาดว่าในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะสามารถรับรู้รายได้สัดส่วนประมาณ 70-80% ของมูลค่างานในมือ (แบ็กล็อก) ณ สิ้นวันที่ 30 มิถุนายน 2562 ที่มีจำนวน 553 ล้านบาท โดยมูลค่างานในมือของบริษัทฯ ทำสถิติสูงสุดติดต่อกันเป็นเวลา 2 ไตรมาส นับตั้งแต่ไตรมาสแรกของปีนี้ และจะเริ่มทยอยรับรู้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2562 ขณะที่ค่าใช้จ่ายที่เป็นผลกระทบจากเรื่องของพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน ได้บันทึกไปหมดแล้วตั้งแต่ไตรมาส 2/2562 ดังนั้นทำให้มีความเชื่อมั่นว่าภาพรวมผลประกอบการในช่วง 6 เดือนหลังนี้จะเติบโตได้ตามแผนที่วางไว้

บริษัทฯยังคงเดินหน้าเข้าร่วมประมูลงานอย่างต่อเนื่อง เป็นผลจากการขยายการลงทุนของภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อรองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจในภาพรวม โดยงานใหม่ที่เข้ามายังคงกระจายในอุตสาหกรรมหลักของประเทศ อาทิ โรงไฟฟ้า ปิโตรเคมี ยานยนต์ พร้อมกันนี้ บริษัทฯได้เริ่มเจาะกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ ๆ อาทิ สนามบิน โรงน้ำตาล งานพรีแคสคอนกรีตในส่วนของกลุ่มอสังหาริมทรัพย์

ล่าสุดได้รับงานเครนของบริษัท แสนสิริ และบริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จากเดิมธุรกิจเครนและรอกไฟฟ้าของบริษัทฯ ครองส่วนแบ่งตลาดระดับบนในกลุ่มธุรกิจโรงไฟฟ้า ปิโตรเคมี ยานยนต์ รถไฟฟ้า และก่อสร้าง โดยใช้ผลิตภัณฑ์ของแบรนด์“STAHL” และ“ABUS”

ปัจจุบันบริษัทได้ขยายไปยังกลุ่มลูกค้าระดับกลาง ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี โดยจำหน่ายรอกสลิงไฟฟ้าภายใต้แบรนด์ “YALE” ซึ่งเป็นสินค้าในเครือเดียวกับ STAHL โดยบริษัทฯจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์รอกสลิงไฟฟ้า”YALE” อย่างเป็นทางการในวันที่ 24 กันยายน 2562 นี้ และ “AL Hoist” ซึ่งเป็นแบรนด์ภายใต้การพัฒนาของบริษัทฯ ทำให้ธุรกิจเครนของบริษัทฯครอบคลุมลูกค้าในทุกกลุ่มตลาด เว้นเพียงแต่ตลาดระดับล่าง