posttoday

GPSCกางแผนผนึก"โกลว์ "ก่อนเปิดจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน 7.4 หมื่นล้าน

29 สิงหาคม 2562

คาด 2 บริษัทสร้างกำไรก่อนภาษี ดอกเบี้ยจ่าย และค่าเสื่อมราคา 2 หมื่นล้านบาท ในปี 63 หลังลดหนี้ 1.3 แสนล้าน ตัวเบา

คาด 2 บริษัทสร้างกำไรก่อนภาษี ดอกเบี้ยจ่าย และค่าเสื่อมราคา 2 หมื่นล้านบาท ในปี 63 หลังลดหนี้ 1.3 แสนล้าน ตัวเบา

นางวนิดา บุญภิรักษ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ การเงินและบัญชีองค์กร บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) เปิดเผยว่า บริษัทคาดการณ์ผลจากการทำงานร่วมกับบริษัท โกลว์ พลังงาน (GLOW) ในปี 2563-2567จะสร้างกำไรก่อนภาษี ดอกเบี้ยจ่าย และค่าเสื่อมราคา (อีบิตดา) ส่วนเพิ่มได้ประมาณ 300-1,600 ล้านบาท ในช่วงระหว่างปีดังกล่าว ด้วยการทำงานร่วมกันในด้านการเชื่อมต่อท่อต่อไฟฟ้า และไอน้ำเพื่อทำการเชื่อมโยงโครงข่ายโรงไฟฟ้าในนิคมอุตสาหกรรมเข้าด้วยกัน โดยจะใช้เงินลงทุนประมาณ 4,000 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มทยอยลงทุนในปี 2562 เป็นต้นไป

ขณะเดียวกัน หากนับรวมอีบิตดาของ GPSC ทีทำได้ในแต่ละปีเฉลี่ย 5,000-6,000 ล้านบาท และ GLOW ทำได้ 1.2 หมื่นล้านบาท จะส่งผลให้ในปี 2563 มีอีบิตดารวมกันประมาณ 2 หมื่นล้านบาท
  
ทั้งนี้ การเข้าซื้อ GLOW และการร่วมกันทำงานในส่วนของการเชื่อมโครงข่าย ทำให้ GPSC ไม่จำเป็นต้องก่อสร้างโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ ซึ่งช่วยประหยัดเงินลงทุนไปได้ จำนวน 2,500 ล้านบาท

นางวนิดา กล่าวว่า ภายหลังจากที่ผู้ถือหุ้นได้อนุมัติการเพิ่มทุน 7.4 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการให้ผู้ถือหุ้นจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนในระหว่างวันที่ 30 ก.ย.- 4 ต.ค.62 โดยบริษัทมีหนี้เงินกู้ระยะสั้นในการซื้อ GLOW จำนวน 1.34 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นการกู้เงินจากบริษัท ปตท. (PTT) และบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) จำนวน 3.5 หมื่นล้านบาท และส่วนที่เหลือเงินกู้จากสถาบันการเงิน 9.95 หมื่นล้านบาท ซึ่งทำให้มีสัดส่วนหนี้สินต่อทุน (ดี/อี)อยู่ที่ 3.89 เท่า

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ได้ปรับโครงสร้างเงินทุน ด้วยการเพิ่มทุน 7.4 หมื่นล้านบาท ไปชำระหนี้เงินกู้ระยะสั้นแล้ว จากนั้นในส่วนหนี้ที่เหลือ 6.5 หมื่นล้านบาท จะทยอยชำระด้วยการออกหุ้นกู้วงเงิน 3-3.5 หมื่นล้านบาท และมีกระแสเงินสดจาก GPSC และ GLOW ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ดังนั้นจะทำให้ดี/อี ในปี 2562 ลดลงเหลือระดับ 1 เท่าตามนโยบายของบริษัท

ส่วนกรณีที่บริษัทมีหนี้เงินกู้ระยะสั้นวงเงินประมาณ 1.34 แสนล้านบาท ทำให้มีดอกเบี้ยจ่ายประมาณ 3,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตามในปี 2563 ดอกเบี้ยจ่ายละลดลงเหลือไม่ถึง 3,000 ล้านบาท หลังจากที่ทยอยชำระหนี้เงินกู้ในส่วนต่างๆ เกือบจะแล้วเสร็จในปี 2562