posttoday

เศรษฐกิจดิ่งต่ำ4% เขย่าขวัญนักลงทุน

08 เมษายน 2562

ปัญหาเศรษฐกิจโลกผันผวนและปัญหาการเมืองภายในประเทศส่งผลให้สัญญาณการขยายตัวของเศรษฐกิจในปี2562 ค่อนข้างชัดเจนว่าจะไม่ถึง4%

ปัญหาเศรษฐกิจโลกผันผวนและปัญหาการเมืองภายในประเทศส่งผลให้สัญญาณการขยายตัวของเศรษฐกิจในปี2562 ค่อนข้างชัดเจนว่าจะไม่ถึง4%

**********************************

โดย....ทีมข่าวการเงิน โพสต์ทูเดย์ออนไลน์

ถึงวันนี้ สัญญาณการขยายตัวเศรษฐกิจปี 2562 ค่อนข้างชัดเจนว่าจะไม่ถึง 4% จากปัญหาเศรษฐกิจโลกผันผวน และปัญหาการเมืองภายในประเทศที่คาดการณ์ไม่ได้

ล่าสุด คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย คาดว่าเศรษฐกิจ 2562 จะขยายตัวได้ 3.7-4% จากเดิมคาดว่าจะขยายตัว 4-4.3% เนื่องจากการส่งออกขยายตัวลดลง 3-5% จากเดิมคาดไว้ที่ 5-7% ผลกระทบจากสงครามการค้าและเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว

การประเมินดังกล่าว กกร. ยังไม่ได้รวมความเสี่ยงทางการเมืองที่การจัดตั้งรัฐบาลได้ล่าช้า ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงที่นักลงทุนให้ความสนใจติดตามอย่างใกล้ชิด

ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวเศรษฐกิจปีนี้เหลือ 3.8% จากเดิม 4% และคาดว่าเศรษฐกิจปี 2563 จะขยายตัวได้ 3.9% ซึ่งก็ยังไม่ถึง 4%

สอดคล้องกับภาคเอกชน ที่ต่างทยอยปรับลดเศรษฐกิจปีนี้้เหลือต่ำกว่า 4% ไม่ว่าจะเป็นธนาคารกรุงไทยปรับลดการขยายตัวเศรษฐกิจปีนี้เหลือ 3.8% จากเดิม 4.1% และศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ก็ปรับลดเศรษฐกิจปีนี้เหลือ 3.8% จากเดิมที่คาดไว้ 4.4.5%

เศรษฐกิจดิ่งต่ำ4% เขย่าขวัญนักลงทุน

การที่เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ต่ำกว่า 4% ต้องบอกว่ามีผลกระทบกับความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศอย่างมาก

สาเหตุสำคัญ เพราะรัฐบาลนี้เข้ามาบริหารประเทศตั้งปี 2557 ที่เศรษฐกิจขยายตัวได้ไม่ถึง 1% ได้ประกาศจะทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้เต็มศักยภาพที่ระดับ 4-5% โดยการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องจนทำให้เศรษฐกิจปี 2560 เศรษฐกิจขยายตัวได้ 4% และปี 2561 ขยายตัวได้ 4.1% ซึ่งถือว่าเป็นการขยายตัวได้เต็มศักยภาพตามที่รัฐบาลตั้งใจไว้ ทำให้นักลงทุนเกิดความเชื่อมั่นที่จะลงทุนในประเทศไทย เพราะเห็นว่ารัฐบาลทำได้ตามที่ประกาศไว้จริง

อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยยังอ่อนแอและมีความผันผวน เพราะผ่านไปแค่ 2 ปี เศรษฐกิจก็มีแนวโน้มจะจะขยายตัวได้ต่ำกว่าศักยภาพเหมือนเดิมที่ผ่านมา ทำให้นักลงทุนที่คิดว่าจะลงทุนในไทยต้องกลับมานั่งทบทวนใหม่ว่าจะลงทุนในไทยดีหรือไม่

ด้านสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กระทรวงการคลัง จะมีการปรับประมาณการเศรษฐกิจปีนี้ใหม่ ในสิ้นเดือนเม.ย. นี้ คาดว่าจะต้องปรับลดลงจากเดิมที่คิดว่าจะขยายตัวได้ 4% ซึ่งจะเป็นอีกปัจจัยที่จะทำให้นักลงทุนเสียความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจไทยมากขึ้น

ผลกระทบที่ตามมาจากเศรษฐกิจขยายตัวได้ต่ำกว่า 4% ที่น่าเป็นห่วงที่สุด คือ การชะลอลงทุนของนักลงทุน ซึ่งอาจถึงขั้นนำเงินไปลงทุนในประเทศอื่นที่มีผลตอบแทนและแนวโน้มการขยายตัวเศรษฐกิจที่ดีกว่า

จากการประชุม รมว.คลังอาเซียน และผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) ประเมินว่า เศรษฐกิจอาเชียนในปีนี้จะขยายตัวได้ 4.9% และปี 2563 จะขยายตัวได้ 5% แสดงให้เห็นชัดว่า เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้น้อยกว่ากลุ่มประเทศเพื่อบ้านที่เป็นคู่แข่งทางการค้าที่สำคัญ

เศรษฐกิจดิ่งต่ำ4% เขย่าขวัญนักลงทุน

แม้แต่นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง ก็ออกมายอมรับว่า ตอนนี้นักลงทุนต่างประเทศชะลอการลงทุนในประเทศไทยอย่างน้อยอีก 1-2 เดือน เพราะนอกจากเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยจะชะลอตัวแล้ว นักลงทุนยังกังวลเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ที่มีความล่าช้า

ที่สำคัญ เมื่อตั้งรัฐบาลใหม่ได้แล้วจะเรียกความเชื่อมั่นให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนได้หรือไม่ ยังเป็นอีกเรื่องที่ยังต้องลุ้นกันต่อไป

ขณะนี้จึงถือว่า นักลงทุนไทยและต่างชาติอยู่ในอาการขวัญผวา การตัดสินใจลงทุนก้อนใหญ่ในไทยจึงต้องพักไว้ก่อน ทำให้เศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบเพิ่มมากขึ้น จนไม่มีทางที่จะกลับขึ้นไปขยายตัวได้มากกว่า 4% ได้ในปีนี้อย่างที่สำนักงานวิจัยเศรษฐกิจต่างๆ คาดการณ์ฟันธงไว้

สถานการณ์เศรษฐกิจดังกล่าวจึงน่าเป็นห่วง การที่เศรษฐกิจชะลอตัวลงและไม่สามารถดึงกลับขึ้นมาได้เร็วเป็นเรื่องอันตราย เพราะจะทำให้เศรษฐกิจดิ่งต่ำลงไปเรื่อยๆ เศรษฐกิจไทยจึงอยู่ในขั้นอาการหนัก ใครที่ว่าปัญหาการเมืองน่าเป็นห่วงหาทางออกไม่ได้แล้ว แต่เศรษฐกิจไทยน่าเป็นห่วงมากกว่า เพราะตกอยู่ในมรสุมของเศรษฐกิจโลกและการเมืองในประเทศจนหัวทิ่มดิ่งลงเรื่อยๆ จนหาทางขึ้นกลับมาไม่เจอ