posttoday

ทองคำ... ถึงเวลาที่ต้องมี(จริงหรือ)

28 มกราคม 2562

ในวงการลงทุนมักจะได้ยินคำคำนี้ในยามที่เศรษฐกิจคับขัน ทองคำคือสินทรัพย์ที่ปลอดภัย (Safe Haven)

วารุณี อินวันนา

ในวงการลงทุนมักจะได้ยินคำคำนี้ในยามที่เศรษฐกิจคับขัน ทองคำคือสินทรัพย์ที่ปลอดภัย (Safe Haven) หรือในยามที่ตลาดหุ้นผันผวนสูงราคาแกว่งตัวแรง ทองคำจะส่องแสงเปล่งประกาย

ณ เวลานี้คนทั่วโลกเริ่มมีความรู้สึกไม่มั่นคงในอนาคตการลงทุนของตัวเอง ที่อาจจะทำให้ความมั่งคั่งหล่นหายไปอย่างรวดเร็วจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว สงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐจะไม่จบง่ายๆ การถอนตัวจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ จุดเริ่มต้นที่ประเทศอื่นๆ อาจจะออกตาม

อาการที่นักลงทุนทั่วโลกทำเหมือนกันโดยที่ไม่ได้นัดหมายล่วงหน้าในปี 2561 ที่ผ่านมา คือ การขายหุ้นในเกือบทุกประเทศออกมา มูลค่าราคาตลาด หรือมาร์เก็ตแคปของตลาดหุ้นทั่วโลกลดลงกว่า 14.88 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

ll...คำถามที่ตามมาแล้วเงินขายหุ้นไปอยู่ที่ไหนตอนนี้

ส่วนหนึ่งไปอยู่ที่ทองคำ เพราะเป็นสินทรัพย์ที่ถูกซื้อมากที่สุดจากธนาคารกลางประเทศต่างๆ นักลงทุนสถาบัน และพ่อค้าทองคำ โดยมองว่าเป็นแหล่งหลบภัยในยามที่เศรษฐกิจฝุ่นตลบ

ll...มีหลักฐานไหมว่าเงินไหลเข้าทองคำ

พวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล หนึ่งในนักค้าทองคำได้ติดตามการเคลื่อนไหวของกองทุนเปิดเอสพีอาร์ดี (SPRD) กองทุนที่ลงทุนในทองคำแท่งที่ใหญ่ที่สุดของโลก พบว่าเริ่มกลับมาเพิ่มการถือครองทองคำในเดือน ต.ค.-ธ.ค. 2561 รวมกัน 48.44 ตัน เฉพาะเดือน ธ.ค.เดือนเดียวมีการซื้อทองคำเพิ่ม 25.93 ตัน หลังจากที่มีการลดการถือครองทองคำในช่วงเดือน ส.ค.-ก.ย. 2561

ปีเดียวกันนี้ธนาคารกลางหลายแห่งทั่วโลกก็มีการซื้อเพิ่มขึ้น โดย 11 เดือนแรกของปี 2561 มีการเข้าซื้อทองคำมากกว่า 450 ตัน ประเทศผู้ซื้อหลักก็มีรัสเซีย ตุรกี คาซัคสถาน อินเดีย อินโดนีเซีย ไทย ฟิลิปปินส์ อียิปต์ โปแลนด์ และฮังการี รวมถึงจีนก็ได้กลับมาซื้อทองคำในเดือน ธ.ค.เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปี

เหตุผลเพราะประเทศเหล่านี้ต้องการกระจายเงินทุนสำรองระหว่างประเทศออกห่างจากสกุลเงินดอลลาร์ ปรับความสมดุลในสัดส่วนการลงทุนและเป็นการบริหารแบบเชิงรุก

นอกจากนี้ กองทุนเฮดจ์และผู้จัดการกองทุนทั่วไปได้ลดสถานะสัญญาฟิวเจอร์สทองคำ COMEX ลง มีการเข้าซื้อจำนวนมากในสัปดาห์ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 18 ธ.ค. 2561 จำนวน 100,828 สัญญา เท่ากับทองคำ 313,610 กิโลกรัม ทำให้กลับมาเป็นสถานะซื้อสุทธิ หรือซื้อมากกว่าขาย 11,198 สัญญา เท่ากับทองคำ 34,830 กิโลกรัม จากก่อนหน้าที่มีสถานะขายสุทธิ 25 สัปดาห์ติดต่อกัน

ll...ฟังคนเดียวอาจจะยังไม่พอ มาตาม ดูกันต่อว่า ในสายตาชาวโลกและในสายตาชาวไทยคนอื่นๆ มองราคาทองคำปี 2562 จะไปทางไหน

ปีนี้ธนาคารกลางขนาดใหญ่ของโลก อาทิ โกลด์แมน แซคส์, เจพีมอร์แกน เชส, เครดิต สวิส, โบฟา เมอริล ลินซ์, เอบีเอ็น แอมโร, เฮชเอชบีซี ต่างก็มีมุมมองสอดคล้องในทิศทางเดียวกันว่าทองคำเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจในการลงทุนอย่างมากและเป็นสินทรัพย์ในกลุ่มดีเฟนซีฟที่ให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุด ในยุคที่ตลาดหุ้นผันผวนและความไม่ชัดเจนของข้อมูลทางเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ จุดสูงสุดของราคาทองคำในปีนี้ที่ 1,400 ดอลลาร์/ออนซ์ แต่ในช่วงครึ่งปีแรกอาจจะเห็นราคาปรับตัวลงเพื่อรอความชัดเจนจากนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐและสงครามการค้า โดยจุดต่ำสุดมองที่ 1,250 ดอลลาร์/ออนซ์

สอดคล้องกับมุมของนักลงทุนสถาบันที่มีการลงทุนในทองคำ ทนง ขันทอง ผู้อำนวยการสื่อสาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บัวหลวง มองว่าในยุคสงครามการค้า การกลับมาของราคาทองคำดูจะเป็นจริง หนึ่งในเหตุผลนั้นคือประเทศรัสเซียและจีนประกาศชัดว่าต่อไปเงินรูเบิ้ลจะไม่อิงเงินดอลลาร์ แต่จะอิงทองคำ ในช่วงที่ผ่านมาทั้งสองประเทศจึงมีการทยอยสะสมทองคำเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยจีนทองคำเป็นทุนสำรองอยู่ 1,842.6 ตัน ส่วนรัสเซียอยู่ที่ 2,066.2 ตัน ขณะที่สหรัฐเป็นประเทศที่มีทองคำมากที่สุดกว่า 8,133.5 ตัน โดย 1 ตันเท่ากับ 1,000 กิโลกรัม นึกดูว่ามากแค่ไหน จึงเป็นเหตุผลที่ราคาทองคำถูกกำหนดเป็นเงินดอลลาร์

ในขณะที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) และฝ่ายวิจัยธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด คาดการณ์ว่าในปี 2573 จีนจะเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกตามด้วยสหรัฐและอินเดีย เชื่อว่าทั้งจีนและรัสเซียจะทยอยสะสมทองคำเพิ่มสูงขึ้นเพื่อเป็นหลักประกันสร้างความแข็งแกร่งให้กับค่าเงินหยวนและเงินรูเบิ้ล

นักค้าทองคำรายใหญ่ของไทยก็เชื่อว่าราคากำลังจะขึ้น พิบูลย์ฤทธิ์ วิริยะผล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ ที่ได้ทำการสัมภาษณ์ผู้ค้าทองคำรายใหญ่ภายในประเทศ มีความเชื่อมั่นว่าราคาทองคำในประเทศปี 2562 หรือปีหมูทองนี้ โดยเฉลี่ยจะเพิ่มขึ้น 500-1,000 บาท โดยต่ำสุดอยู่ที่ 18,569 บาท/น้ำหนักทอง 1 บาท และสูงสุดอยู่ที่ 20,975 บาท ในขณะที่ราคาทองคำในตลาดโลกคาดว่าต่ำสุดจะอยู่ที่ 1,182.50 ดอลลาร์/ทรอยออนซ์ และสูงสุดอยู่ที่ 1,388.10 ดอลลาร์/ทรอยออนซ์ เพราะมองว่าสถานการณ์การค้าโลกจะทำให้ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้น

ll...แล้วมีปัจจัยอะไรที่ทำให้พ่อค้าทองคำ นักลงทุนรายใหญ่ เชื่อว่ารอบนี้เป็นรอบของราคาทอง

บุญเลิศ สิริภัทรวณิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออสสิริส มองว่าปีนี้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพียง 1-2 ครั้ง น้อยกว่าปี 2561 ที่ขึ้น 4 ครั้ง เพราะเศรษฐกิจชะลอตัว สงครามการค้าสหรัฐกับจีนจะยืดเยื้อ

รวมถึง พิพัฒน์ วชิรลาภไพฑูรย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซินเนอร์จี้ คอมโมดิตี้ส์ เทรด เห็นคล้ายกันว่า เฟดจะผ่อนผันการขึ้นดอกเบี้ยเพื่อพยุงตลาด หุ้น และเศรษฐกิจสหรัฐผันผวนแรง ค่าเงินดอลลาร์แกว่งตัวผันผวน สงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐยืดเยื้อและขยายวงกว้าง เศรษฐกิจยุโรปอ่อนแอ แต่ถ้าเหตุการณ์ที่กล่าวมาดีทองคำจะลง

พร้อมกับแนะนำแนวทางการลงทุนในทองคำปีนี้ว่าระยะสั้นควรเทรดเร็วๆ ตามการแกว่งตัวราคาทองคำ และระวังเงินบาทแข็งค่าจะทำให้ราคาทองคำลดลง ส่วนระยะกลางรอซื้อสะสมเมื่อราคาย่อตัว ซึ่งจะต้องมีวินัยการลงทุนอย่างเคร่งครัด ต้องมีจุดตัดขาดทุนและเทรดตามแนวโน้มเป็นหลัก

ขณะที่ ธนรัชต์ พสวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มฮั่วเซ่งเฮง บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง คอมโมดิทัซ กล่าวว่า จากคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับเพิ่มดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ เป็นการส่งสัญญาณชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยและการคุมเข้มนโยบายการเงิน จะทำให้ค่าเงินดอลลาร์เริ่มกลับทิศทางเป็นอ่อนค่าลง ทำให้เป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ รวมถึงภาวะกระทิงในตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาใกล้จบแล้ว หลังจากที่ปรับขึ้นมาตลอด 9 ปีนับจากปี 2552 เพราะมาตรการเพิ่มสภาพคล่องหรือคิวอีเข้ามาในตลาด แต่นับจากนี้จะมีการดูดสภาพคล่องออกจากตลาด การเมืองที่ร้อนระอุในสหรัฐ และการออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ อาจเกิดแรงเทขายสินทรัพย์ โดยเม็ดเงินจะเริ่มไหลเข้าสินทรัพย์ปลอดภัยนั้นคือ “ทองคำ”

ll...ถึงเวลาทองคำ (จริงหรือ)

อ่านกันมาถึงบรรทัดนี้ คนเล่นทอง นักเก็งกำไร รวมถึงนักสะสมทองประเภทต่างๆ ก็ยังมีคำถามอยู่ว่า ถึงเวลาของทองคำ (จริงหรือ)

ก็จะไม่ให้มีคำถามได้อย่างไร คนที่วิเคราะห์ล้วนเป็นนักค้าทองคำมืออาชีพ นักเก็งกำไรทองคำระดับโลกกันทั้งนั้น

ส่วนรายย่อยๆ เงินน้อยที่หวังเก็งกำไรยังขยาดจากการขาดทุนทองคำมาตลอดเกือบ 10 ปี ซึ่งถือว่าจำกันได้แม่น จำนาน และเป็นการพิสูจน์ว่า “ทองคำ” ไม่ใช่สินทรัพย์ที่ปลอดภัยหากเข้าผิดเวลา แถมนำพาหายนะมาให้

ความหลังที่แสนช้ำเกิดขึ้นเมื่อปี 2554 ราคาทองคำในตลาดโลกพุ่งขึ้นไปสูงสุด 1,920 ดอลลาร์/ออนซ์ โดย 1 ออนซ์ เท่ากับ 31.104 กรัม หรือเทียบได้กับทองคำน้ำหนักประมาณ 2 บาท (ทอง 1 บาท เท่ากับ 15.244 กรัม) ช่วงนั้นใครๆ ก็คาดว่าราคาทองจะไปต่อ เพราะเกิดความวุ่นวายในตะวันออกกลาง วิกฤตหนี้สาธารณะในเขตยูโรโซน แผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิครั้งใหญ่ในญี่ปุ่น รวมถึงเป็นปีที่น้ำท่วมรุนแรงที่สุดของไทย

คนทั่วโลกเข้าซื้อทอง...จนมีคำพูดว่าทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ต้องมี ราคาทองคำบ้านเราขึ้นจาก 18,950 บาท ในปี 2553 มาเป็น 20,500 บาท และที่พีกสุดๆ ถึงยอดดอยคือปี 2555 อยู่ที่ 25,000-26,000 บาท และก็ไหลลงมาเรื่อยถึงปัจจุบันอยู่ประมาณ 19,300-19,700 บาท/ทอง 1 บาท

ได้แต่ส่งเสียงในลำคอหึๆ ถึงความทรงจำของการติดดอย ปลอบใจตัวเองว่าดอยนี้ไม่ธรรมดา เพราะเป็นดอยทองคำเชียวนะ

เพื่อความปลอดภัยในความมั่งคั่ง จึงไม่ควรทุ่มลงทุนหมดหน้าตัก อย่ากะรวยทีเดียวให้เข็ด

เพราะถามสถิติในอดีตวงจรราคาทองคำไม่ได้พุ่งพรวดพราด แต่ใช้เวลาร่วม 10 ปี จึงควรจะมีไว้ โดยที่ผ่านมาผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนส่วนใหญ่แนะนำลงทุนในพอร์ตประมาณ 10-15%

แต่จะมีมากกว่านั้นก็ได้ถ้าเงินเย็นพอ เพราะ ทองคำ...นอกเหนือจากมีเพื่อทำกำไรแล้ว ยังมีเพื่อสร้างคุณค่าทางจิตใจ โดยเฉพาะผู้ที่หลงใหลในความงามเหลืองอร่ามสุกปลั่ง ตอกย้ำความมั่งคั่ง (Wealth) ความมั่นคงในชีวิต ที่คนทั่วโลกให้การยอมรับเป็นหนึ่งเดียวมายาวนานนับพันปี ยังมีมูลค่าในตัวเอง ไม่ว่าเงินเฟ้อจะสูงแค่ไหน มูลค่าทองคำก็ไม่เปลี่ยน

ll...หลากวิธีลงทุนทองคำ

เห็นแนวโน้มการซื้อทองคำของธนาคารกลางทั่วโลก กองทุนทั่วโลก และบรรดานักค้าทองรายใหญ่กันไปแล้ว รายย่อยอย่างเราก็สามารถเก็บสะสมทองคำได้ในหลายวิธี เพื่อสร้างความมั่งคั่งอีกทางหนึ่งที่ปลอดภัย

หนึ่ง ซื้อทองรูปพรรณ เชื่อว่าคนส่วนใหญ่จะเริ่มซื้อทองรูปพรรณ เพราะมีหลากหลายราคา ซื้อหาได้ง่าย ใส่เป็นเครื่องประดับกำลังใจในความพยายามของตัวเองยังเป็นหนึ่งในช่องทางการเก็บเงิน สามารถเปลี่ยนเป็นสภาพคล่องได้ตลอดเวลา

สอง ซื้อทองคำแท่งที่รู้สึกถึงความจริงจังและสวยงาม มั่นคงมากขึ้น ในบ้านเรานิยมซื้อทองคำบริสุทธิ์ 96.5% มีตั้งแต่น้ำหนัก 1 บาท 5 บาท 10 บาท 20 บาท 50 บาท และ 100 บาท ส่วนทองคำบริสุทธิ์ 99.99% จะได้รับความนิยมรองลงมา เพราะที่มีขายในตลาดส่วนใหญ่จะเริ่มกันที่น้ำหนัก 5 บาท

ทั้งสองแบบข้างต้นเป็นการลงทุนในทองคำรูปแบบดั้งเดิมที่มีมาหลายชั่วอายุคน ต้องไปซื้อที่ร้านทอง ซื้อแล้วถือกลับบ้านได้เลย ต้องหาที่จัดเก็บ นั่งชื่นชมด้วยสายตา หรือลูบคลำได้ เป็นมรดกตกทอดให้รุ่นลูกรุ่นหลานได้

สาม ซื้อผ่านออนไลน์ นอกจากนี้ยังมีการลงทุนทองคำแท่งผ่านออนไลน์และโทรศัพท์ ไม่ต้องใช้เงินจำนวนมากเหมือนที่ไปซื้อที่ร้านทอง เพียงเปิดบัญชีซื้อขายทองกับธนาคาร บริษัทที่ให้บริการซื้อขายทองคำกำหนดและวางหลักประกันประมาณ 10% ของมูลค่าซื้อขายทองคำ ณ ราคาทองปัจจุบัน ก็สามารถซื้อขายได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยจะมีระยะเวลาในการได้รับเงินจากการขาย และจ่ายเงินจากการซื้อภายใน 2 วัน

การซื้อทองคำแท่งออนไลน์ มีทั้งแบบซื้อเป็นช่วงๆ และซื้อทุกเดือนในจำนวนเงินเท่าๆ กัน เหมือนการซื้อหุ้นทุกเดือน เป็นการบังคับให้ตัวเองออมไปในตัว

สี่ การลงทุนในตลาดซื้อขายล่วงหน้า (Gold Futures) ด้วยการซื้อสัญญาล่วงหน้า ที่ส่งมอบทองจริง แต่ใช้เงินน้อยกว่า โดยการซื้อทองแท่งจริง วางเงินค้ำประกันประมาณ 5% ของมูลค่าสัญญา เมื่อถึงเวลาครบกำหนดสัญญาก็จ่ายส่วนต่างราคาเป็นเงินสด และไปรับทองที่ร้านขายทอง สามารถทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นขาลง

ห้า การลงทุนในตลาดซื้อขายล่วงหน้าที่ไม่ต้องส่งมอบทองจริง (Gold Online Futures) เป็นสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ที่อ้างอิงทองคำแท่งที่มีความบริสุทธิ์ 99.5% ในตลาดโลก โดยที่ไม่ต้องส่งมอบทองคำจริง มีจุดเด่นที่ราคาซื้อขายเป็นราคาเดียวกันในรูปเงินดอลลาร์กับราคาทองคำในตลาดโลก โดยที่ผู้ลงทุนจะไม่ได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน เพราะการเทรดและการวางหลักประกัน จะใช้เงินบาททั้งหมด

หก ซื้อกองทุนรวมที่ลงทุนในทองคำในประเทศ ไม่ต้องซื้อทองจริง มีโอกาสได้ส่วนต่างราคาซึ่งอิงตลาดโลกและได้รับเงินปันผล แต่ไม่สามารถซื้อขายระหว่างวันเพื่อทำกำไรได้ เพราะมีการคิดราคาหน่วยลงทุนวันละครั้ง จึงไม่รู้ราคาก่อนซื้อขาย เมื่อสิ้นวันจึงจะทราบว่าซื้อได้ในราคาเท่าไร

เจ็ด ซื้อกองทุนอีทีเอฟทองคำ จะเห็นราคาแบบเรียลไทม์ และสามารถซื้อขายได้ตลอดช่วงเวลาที่ตลาดเปิดเหมือนกับซื้อหุ้น

หนึ่งในคาถาที่นักลงทุนควรจำให้ขึ้นใจ ในเอกสารการลงทุนทุกชนิดตรงนี้ ดอกจันว่าการลงทุนทุกชนิดล้วนมีความเสี่ยงจงใช้ความระมัดระวัง

ใครที่ติดดอยทองเมื่อรอบที่แล้ว ก็ลุ้นให้ราคาขึ้นไปตามที่นักลงทุนมืออาชีพมองไว้

ขอให้ปีนี้เป็นปีทองของทุกคน