posttoday

คาดจีดีพีไทยโตไม่ถึง4%

28 ธันวาคม 2561

นักเศรษฐศาสตร์ปรับลดจีดีพีไทย คาดปี 2562-2563 โตไม่ถึง 4% เตือนกีดกันการค้าปัจจัยเสี่ยงฉุดเศรษฐกิจอาเซียน

นักเศรษฐศาสตร์ปรับลดจีดีพีไทย คาดปี 2562-2563 โตไม่ถึง 4% เตือนกีดกันการค้าปัจจัยเสี่ยงฉุดเศรษฐกิจอาเซียน

ศูนย์ญี่ปุ่นเพื่อการวิจัยเศรษฐกิจ (เจซีอีอาร์) ร่วมกับหนังสือพิมพ์นิกเกอิ เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์และนักวิเคราะห์ประจำไตรมาส โดยลดประมาณการเศรษฐกิจของไทยลงตั้งแต่ปี 2561-2563 ว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปีนี้จะอยู่ที่ 4.2% ลดลงจากคาดการณ์เดิมในเดือน ก.ย.ที่ 4.6% โดยไตรมาส 4 จะโตเพียง 3.8% จากคาดการณ์เดิมที่ 4.4% และยังปรับลดของปี 2562 อยู่ที่ 3.9% จากคาดการณ์เดิมที่ 4.1% ส่วนการขยายตัวในปี 2563 จะอยู่ที่ 3.8% ลดลงจากคาดการณ์เดิมที่ 4 %

ขณะเดียวกัน เจซีอีอาร์ยังลดประมาณการขยายตัวทางเศรษฐกิจของ 5 ชาติอาเซียน ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และไทย ในปี 2561 อยู่ที่ 4.8% จากคาดการณ์เดิมที่ 4.9% และปรับลดคาดการณ์ของปีหน้าจากเดิม 4.8% เหลือ 4.7% ส่วนคาดการณ์ของปี 2563 ยังคงอยู่เท่าเดิมที่ 4.8%

ทั้งนี้ ผลสำรวจระบุว่าปัจจัยเสี่ยงที่สุดของไทย คือ การกีดกันทางการค้า จากผลพวงสงครามการค้าโลก ซึ่งผลสำรวจรอบนี้ได้ปรับเพิ่มให้เป็นความเสี่ยงอยู่ในระดับที่อันตราย รองลงมาคือ ประเด็นความไม่แน่นอนของการเมืองในประเทศ และเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัว

อย่างไรก็ดี นายวัน สุไฮมี นักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารเพื่อการลงทุนเคนันกา ของมาเลเซีย กล่าวว่า เศรษฐกิจของไทยและมาเลเซีย ซึ่งเป็นสองชาติที่เน้นการส่งออก และถูกปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจของนี้และปีหน้าทั้งคู่ จะขยายตัวได้ในระดับปานกลางมากขึ้นในปีนี้และปีหน้า เนื่องจากการบริโภคภาคครัวเรือนที่แข็งแกร่งจะชดเชยการส่งออกและการลงทุนภาครัฐที่ลดลง

ขณะที่ นายมานุ ภาสคารัน นักวิเคราะห์ของบริษัทที่ปรึกษา เซนเทนเนียล เอเชีย ในสิงคโปร์ กล่าวว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและจีน เป็นปัจจัยเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุด เนื่องจากมีความขัดแย้งทั้งประเด็นการค้า เทคโนโลยีขั้นสูง และความมั่นคง ซึ่งความสัมพันธ์ที่ไม่ลงรอยระหว่างทั้งสองชาติได้สร้างความไม่แน่นอนให้กับการตัดสินใจทางธุรกิจและการลงทุน โดยเมื่อนับรวมทั้งประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและจีน และการกีดกันการค้า ประเด็นดังกล่าวถือว่าเป็นปัจจัยเสี่ยงอันดับที่หนึ่งของสิงคโปร์และไทย และเป็นปัจจัยเสี่ยงอันดับที่สองของอินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และอินเดีย

นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ยังจับตาเรื่องการเลือกตั้งของหลายชาติอาเซียนในปีหน้าอีกด้วย ทั้งการเลือกตั้งของไทย อินโดนีเซีย และการเลือกตั้งกลางเทอมของฟิลิปปินส์ โดย นายสมประวิณ มันประเสริฐ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานวิจัย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า ผลการเลือกตั้งของไทยในเดือน ก.พ.จะเป็นตัวกำหนดความเสี่ยงทางการเมืองในอนาคต และทิศทางนโยบายของประเทศในระยะสั้น