posttoday

ยันเก็บภาษีได้2ล้านล.

30 พฤศจิกายน 2561

กรมสรรพากรมั่นใจเก็บภาษีปีงบประมาณ 2562 ได้ตามเป้า 2 ล้านล้าน เดินหน้าใช้ดิจิทัลเพิ่มประสิทธิภาพจัดเก็บ

กรมสรรพากรมั่นใจเก็บภาษีปีงบประมาณ 2562 ได้ตามเป้า 2 ล้านล้าน เดินหน้าใช้ดิจิทัลเพิ่มประสิทธิภาพจัดเก็บ

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ เปิดเผยว่า กรมสรรพากรยืนยันปีงบประมาณ 2562 จะเก็บภาษีได้ตามเป้าหมาย 2 ล้านล้านบาท แม้ว่าจะเป็นโจทย์ที่ยากก็ตาม เพราะคิดเป็น 80% ของรายได้รัฐบาลทั้งหมด เพราะในปีงบประมาณ 2562 กรมสรรพากรมีเดินหน้ายุทธศาสตร์ ยกระดับประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีให้ทันสมัย รวดเร็ว และเป็นธรรม ด้วยการเชื่อมโยงฐานข้อมูลขนาดใหญ่ของผู้เสียภาษีผ่านระบบดิจิทัล ทำให้แยกผู้เสียภาษีดีกับไม่ดีออกจากกันได้

"ยุทธศาสตร์เพิ่มประสิทธิภาพของกรมสรรพากรในปีงบประมาณ 2562 จะทำให้คนที่อยู่นอกระบบภาษีเข้ามาอยู่ในระบบภาษีมากขึ้น และส่งผลให้การเก็บภาษีของกรมสรรพากรจะเก็บเพิ่มได้ในทุกๆ ตัว" นายเอกนิติ กล่าว

ทั้งนี้ การเก็บภาษีของกรมสรรพากรเดือน ต.ค. 2561 ซึ่งเป็นเดือนแรกของปีงบประมาณ 2562 ได้ 1.23 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.92% จากปีก่อนหน้า และมากกว่าเป้าหมายที่ประมาณการไว้ 5,800 ล้านบาท หรือคิดเป็น 4.93% ผลจากการเพิ่มประสิทธิภาพในช่วงแรกของกรมสรรพากรดิจิทัลในช่วงแรกที่ผ่านมา

นอกจากนี้ พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากรมาตรการป้องกันการกำหนดราคาโอนระหว่างบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กัน (Transfer Pricing) มีผลบังคับใช้แล้ว จะทำให้การเก็บภาษีบริษัทในประเทศและนอกประเทศมีประสิทธิภาพมากขึ้น

นายเอกนิติ กล่าวว่า ในส่วนของร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากรเพื่อรองรับระบบภาษีและเอกสารธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงการพื้นฐานระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ (อี-เพย์เมนต์) อยู่ระหว่างการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เป็นกฎหมายวางรากฐานการเก็บภาษีทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่น การหักภาษี ณ ที่จ่าย กฎหมายใหม่นี้ให้อำนาจสถาบันการเงินหักภาษี ณ ที่จ่ายของผู้เสียภาษีให้กรมสรรพากรได้เลยทำให้เกิดความสะดวก ไม่ได้เป็นกฎหมายที่ออกมาเพื่อจับผิดรายย่อย แต่จะทำให้เกิดความเป็นธรรมของผู้เสียภาษีนอกระบบและในระบบมากขึ้น

นายเอกนิติ กล่าวอีกว่า ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากรเพื่อรองรับการจัดเก็บภาษีจากผู้ประกอบการธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (อี-บิซิเนส) ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากการให้บริการในต่างประเทศ อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งกรมสรรพากรพยายามเร่งให้สู่การพิจารณาของ สนช. บังคับใช้ออกมา  ทำให้ผู้ประกอบการต่างประเทศมาทำธุรกิจในประเทศบนระบบออนไลน์ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในประเทศ ที่ผ่านมา กรมสรรพากรได้หารือกับผู้ประกอบการรายใหญ่ที่ค้าขายออนไลน์ระดับโลก พร้อมที่จะทำตามกฎหมายที่กรมสรรพากรออกมา