posttoday

เตือนความเสี่ยง ‘4 ร.’ ฉุดเศรษฐกิจปีหน้าโตช้า

24 ตุลาคม 2561

ปี 2561 ผ่านมาเกือบ 10 เดือน เริ่มเห็นภาพรวมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่ชัดเจนมากขึ้น

โดย...ศุภลักษณ์ เอกกิตติวงษ์

ปี 2561 ผ่านมาเกือบ 10 เดือน เริ่มเห็นภาพรวมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่ชัดเจนมากขึ้น ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จึงเริ่มประมาณการภาวะเศรษฐกิจไทยในปี 2562 ซึ่งมีปัจจัยรออีกหลายประการ

อมรเทพ จาวะลา ผู้บริหารสำนักวิจัย ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า ประมาณการเศรษฐกิจในปี 2562 ขยายตัว 4% น้อยกว่าระดับ 4.5% ในปี 2561 แต่เศรษฐกิจไทยอาจโตต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้จากความเสี่ยงในช่วง 3-6 เดือนข้างหน้าก่อนวันเลือกตั้ง สรุปเป็นตัว ร.เรือ 4 ตัว ได้แก่ รากหญ้า แรงงาน รักษาการ และรีพับลิกัน

ทั้งนี้ ความเสี่ยง “รากหญ้า” ที่สะท้อนกำลังซื้อที่แท้จริง แม้ว่าตัวเลขการบริโภคภาคเอกชนฟื้นตัวชัดเจนถึง 4.5% แต่กระจุกตัวเพียงหมวดรถยนต์ที่สะท้อนกำลังซื้อระดับกลางและบนที่ดีขึ้น ส่วนการบริโภคหมวดพื้นฐาน เช่น อาหาร เสื้อผ้า หรือของใช้ต่างๆ เติบโตน้อยมาก บางหมวดหดตัว ซึ่งมาจากกำลังซื้อของคนระดับกลางถึงล่าง
ยังไม่ขยับ ต้องรอการหมุนเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวจากบนลงล่าง

ขณะเดียวกันการหมุนของเศรษฐกิจรอบนี้ช้ากว่าในอดีต ส่วนหนึ่งมาจากภาคเกษตรที่เดิมมีปัจจัยราคาดีและมาตรการช่วยเหลือจากภาครัฐ แต่ในช่วงหลายปีราคาสินค้าเกษตรตกต่ำและรัฐบาลระมัดระวังการใช้นโยบายบิดเบือนกลไกตลาด หนี้ครัวเรือนกลุ่มนี้พุ่งสูงขึ้น ทำให้กำลังซื้อของรากหญ้าซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศหดหาย เป็นความเสี่ยงเศรษฐกิจในระยะนี้

ด้านความเสี่ยง “แรงงาน” เป็นผลกระทบจากเทคโนโลยีเข้ามาช่วยลดต้นทุนการผลิต ซึ่งการลงทุนภาคเอกชนเร่งตัวขึ้นเน้นการนำเครื่องจักรแบบออโตเมชั่นทดแทนแรงงานคน แก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต แต่ในระยะสั้น ทำให้ชั่วโมงการทำงานลดลง ค่าจ้างโดยรวมโตช้า ในระยะยาวต้องรอให้แรงงานพัฒนาฝีมือ เพื่อให้ได้ค่าจ้างแรงงานที่เพิ่มขึ้น

ขณะที่ความเสี่ยง “รักษาการ” ที่รัฐบาลชุดปัจจุบันจะกลายสภาพเป็นรัฐบาลรักษาการในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า หลังประกาศการเลือกตั้ง ซึ่งคาดว่าจะประกาศในเดือน ธ.ค.นี้ และมีการเลือกตั้งในเดือน ก.พ. 2562 ในช่วงเวลาก่อนที่จะมีรัฐบาลชุดใหม่นั้น รัฐบาลรักษาการจะไม่อนุมัติโครงการใหม่ ฅแม้จะยังสามารถดำเนินนโยบายเดิมให้มีความต่อเนื่องได้ แต่อาจกระทบการเบิกจ่ายหรือความเชื่อมั่นนักลงทุนต่อการเดินหน้าในด้านโครงสร้างพื้นฐานที่เตรียมไว้

“อย่างโครงการรถไฟความเร็วสูง เชื่อม 3 สนามบิน หรือโครงการรถไฟฟ้าชานเมืองในสายที่ยังไม่ได้รับอนุมัติจาก ครม.อาจล่าช้าไป ที่สำคัญการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นครั้งแรกภายใต้รัฐธรรมนูญใหม่ ยังไม่แน่ใจว่าจะใช้เวลานานขึ้นกว่าในอดีตหรือไม่ ก่อนที่จะได้นายกรัฐมนตรี หากไม่มีพรรคการเมืองใดรวบรวมเสียงข้างมาก และได้รับความไว้ใจจากวุฒิสมาชิก 250 เสียงที่สามารถลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีได้” อมรเทพ กล่าว

ความเสี่ยงสุดท้าย “รีพับลิกัน” เป็นความเสี่ยงด้านต่างประเทศในประเด็นสงครามการค้า ที่ต้องจับตาการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐในวันที่ 6 พ.ย.นี้ หากพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากจากทั้งสภาสูงและสภาล่าง การเดินหน้าสงครามการค้าจะรุนแรงมากขึ้น ไม่เพียงกดดันจีนแต่อาจมองหาประเทศอื่นที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐด้วย ซึ่งไทยเกินดุลการค้ากับสหรัฐปีละกว่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และเป็นประเทศอันดับที่ 11 ที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐมากที่สุด ซึ่งเป็นความเสี่ยงของการส่งออกของไทยในปีหน้า

อย่างไรก็ดี หากรีพับลิกันไม่ได้เสียงข้างมากและนโยบายสงครามการค้าชะลอไป แต่ยังไม่สามารถยืนยันว่าส่งออกจะดีขึ้นชัดเจน เพราะการส่งออกที่ดีในปีนี้ส่วนหนึ่งมาจากการเร่งการนำเข้าเพื่อป้องกันความเสี่ยงในการขึ้นภาษีในปีหน้า และหากปีหน้าไม่มีสงครามการค้า การนำเข้าก็ไม่จำเป็นต้องเร่งแรง เพราะผู้นำเข้าได้สต๊อกสินค้าไว้แล้ว

อมรเทพ ยังให้มุมมองเศรษฐกิจไทยในโค้งสุดท้ายของปีนี้น่าจะขยายตัวต่อเนื่อง แต่อาจไม่ได้เร่งตัวแรงเหมือนช่วงก่อนหน้า โดยคาดว่าจีดีพีไตรมาส 3 จะเติบโต 4.3% และไตรมาส 4 จะเติบโต 4.2% ทำให้เฉลี่ยครึ่งปีหลังขยายตัว 4.2%  หลังจากที่เร่งแรง 4.8%ในครึ่งปีแรก ส่งผลให้จีดีพีปี 2561 ขยายตัว 4.5% ปัจจัยที่ทำให้เศรษฐกิจไม่เร่งแรงมาจากภาคต่างประเทศทั้งสงครามการค้ากระทบการส่งออก และเรือล่มภูเก็ตกระทบยอดนักท่องเที่ยวชาวจีน ขณะที่ปัจจัยสนับสนุนคือลงทุนภาคเอกชนที่เริ่มนำเข้าเครื่องจักรมาปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต