posttoday

ต่างชาติทิ้งหุ้นเก็งกำไรบอนด์

10 ตุลาคม 2561

กรุงไทยเผยต่างชาติทิ้งหุ้นไทย แต่กระหน่ำเข้าเก็งกำไรบอนด์แทน ยันเงินยังไม่ไหลออก พยุงบาทอ่อนค่าไม่มาก

กรุงไทยเผยต่างชาติทิ้งหุ้นไทย แต่กระหน่ำเข้าเก็งกำไรบอนด์แทน  ยันเงินยังไม่ไหลออก พยุงบาทอ่อนค่าไม่มาก

นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าเร็วในช่วง 2 วันที่ผ่านมา มีปัจจัยหลักมาจากตลาดปิดรับความเสี่ยง เนื่องจากมีความไม่แน่นอนมากในตลาดโลก โดยเฉพาะการกีดกันทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐที่ส่อเค้าลากยาว และจีนมีการลดอัตราการสำรองหนี้ (RRR) สำหรับธนาคาร ทำให้ถูกมองว่าจีนกำลังแทรกแซงค่าเงิน

ทั้งนี้ สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้หุ้นเอเชีย หุ้นยุโรปปรับลดลง ส่วนตลาดหุ้นไทยเริ่มรีบาวด์บ้างหลังจากร่วงหนักเมื่อวันที่ 8 ต.ค. แต่แนวโน้มก็ยังไม่ดีขึ้น ทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าทะลุ 33 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ โดยวันที่ 4-9 ต.ค. เงินบาทอ่อนค่ามากกว่าภูมิภาค โดยเงินบาทอ่อนค่า 1.07% ขณะที่สกุลอื่นอ่อนค่าเฉลี่ย 0.5%

"จีนลดเกณฑ์การตั้งสำรองกระทบตลาดน้อย ปัญหาจริงๆ ไม่ใช่สภาพคล่อง แต่เพราะคนขาดความเชื่อมั่นจีนมากกว่า เพราะกีดกันทางการค้าคงไม่จบง่ายๆ ปัญหาหนี้เสียสูง มองไม่เห็นโอกาสทางธุรกิจ คิดว่าจีนแค่อยากส่งสัญญาณว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจอยู่" นายจิติพล กล่าว

นายจิติพล กล่าวว่า ปีนี้เงินทุนต่างชาติไหลออกจากตลาดหุ้นน่าจะมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน ต่างชาติขายสุทธิ 2.2 แสนล้านบาทแล้ว เป็นอันดับ 3 รองจากไต้หวันและญี่ปุ่น ซึ่งไทยตลาดเล็กกว่ามาก ปกติเงินไหลออกมากระดับนี้เงินบาทน่าจะอ่อนค่ามากไปถึง 34-35 บาท/ดอลลาร์ ได้ แต่เพราะมีเงินไหลเข้ามาเก็งกำไรเงินเฟ้อในตลาดพันธบัตรสุทธิถึง 2.3 แสนล้านบาท อันดับ 3 รองจาก เกาหลีใต้และจีน เพราะไทยมีเสถียรภาพเป็นแหล่งพักเงินที่สำคัญ ช่วยพยุงค่าเงินบาทไม่ให้อ่อนค่ามาก

อย่างไรก็ตาม มุมมองช่วงที่เหลือของปียังมองแนวโน้มค่าเงินบาทยังแข็ง เพราะจุดสูงสุด (พีก) ของดอลลาร์แข็งผ่านไปแล้ว จากนี้ดอลลาร์จะอ่อนค่าไม่ว่าทรัมป์ชนะเลือกตั้งทำให้ตลาดเปิดรับความเสี่ยงหรือทรัมป์แพ้ ตลาดก็กลับมาลงทุนเอเชียเช่นกัน ปัจจัยดอกเบี้ยสหรัฐซึมซับไปแล้ว

ขณะเดียวกันเชื่อว่า กนง.จะขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 1 ครั้งในปีนี้ ทำให้ดึงเงินไหลเข้ามา และหากมีความชัดเจนเรื่องจัดการเลือกตั้งของไทยเพิ่มความเชื่อมั่นอีก จะทำให้ทุนต่างชาติไหลเข้ามาลงทุนอีกครั้ง โดยสิ้นปีมองเงินบาทไว้ที่ 32 บาท/ดอลลาร์