คุมเข้มเอสเอ็มอีเวียนเทียนกู้

ซีไอเอ็มบี ตั้งเครดิตเซ็นเตอร์ เข้มเอสเอ็มอีหัวหมอตั้งบริษัทคู่ขอกู้ซ้ำ พร้อมขึ้นบัญชีจับตาเป็นพิเศษ

นายกิตติพันธ์ อนุตรโสตถิ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า ธนาคารได้ทำระบบ เอสเอ็มอี เครดิต เซ็นเตอร์ ขึ้น โดยมีแมคแคนซี่เข้ามาช่วยสร้างซอฟต์แวร์ในการคัดกรอง สินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) เพื่อให้การปล่อยสินเชื่อมีคุณภาพมากขึ้น

เนื่องจากพบว่ามีกระบวนการโกงอย่างแนบเนียนหลบเลี่ยงเครดิตสกอริ่งได้ โดยเป็นการตั้งบริษัทขึ้นมา 2 บริษัทและขอสินเชื่อเข้ามายังธนาคาร ในระยะเวลาห่างกัน 12 เดือนเพื่อให้ได้เงินกู้หลายเท่า โดยบริษัทดังกล่าวทำงบและผลประกอบการดีมาก แต่สุดท้ายกลายเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ทั้งคู่ เมื่อตรวจสอบย้อนกลับไปพบว่าทั้งสองบริษัทมีกรรมการเป็นคนเดียวกัน และผู้ตรวจบัญชีคนเดียวกัน

ทั้งนี้ พร้อมทั้งสร้างฐานข้อมูล (ดาต้าเบส) ขึ้นมาบันทึกว่า มีรายชื่อใดที่ต้องระมัดระวังบ้าง ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มนำระบบใหม่มาใช้ควบคู่กับระบบคัดกรองสินเชื่อเดิมแล้ว คาดว่าจะใช้อย่างเต็มรูปแบบก่อนสิ้นปีนี้เป็นต้นไป

สำหรับภาพรวมสินเชื่อเอสเอ็มอี ปีนี้ลดลงกว่าปีที่แล้ว โดยเอสเอ็มอีเล็กยอดขาย 75-400 ล้านบาท ครึ่งปีแรกเติบโตดี แต่พอกลางปีเห็นเอ็นพีแอลเพิ่มจึงชะลอ เพื่อตรวจสอบจนพบเคสฟรอด เอสเอ็มอีขนาดกลาง 400-1,000 ล้านบาท ยังไม่ฟื้นจากเศรษฐกิจจึงยังชะลอ และขนาดใหญ่ยอดขาย 1,000-3,000 ล้านบาท ยังพอไปได้ และมีลูกค้ารีไฟแนนซ์ออกไป ทำให้พอร์ตสินเชื่อหดและรายได้ธุรกิจเอสเอ็มอีเล็กลง

นายกิตติพันธ์ กล่าวว่า ในปีนี้จะตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญให้ได้ 100% จากปัจจุบันอยู่ที่กว่า 90% ขณะที่รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเติบโต 5% รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยโตเกือบ 10% กำไรก่อนหักสำรองโต 7.8% คาดหวังว่าปีนี้ทั้งปีกำไรก่อนหักสำรองดีกว่าปีที่แล้ว แม้ว่ากำไรจะถูกกดดันจากการตั้งสำรองหนี้เสียก็ตาม

สำหรับการเพิ่มทุนจากซีไอเอ็มบี กรุ๊ป 4.4 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้เงินกองทุนขั้นที่ 1 เพิ่มขึ้นจาก 13.6% เป็น 14.5% เพียงพอต่อการทำธุรกิจในช่วง 4-5 ปีข้างหน้า ซึ่งภายใต้เป้าหมายการเป็นธนาคารขนาดกลางระหว่างปี 2561-2565 ยังเดินหน้าต่อไป