posttoday

คลังชงครม.คืนภาษีบัตรคนจน1พ.ย.นี้

08 กันยายน 2561

รมว.คลังเสนอ ครม. ไฟเขียวคืนเงินภาษีแวตให้ผู้มีรายได้น้อยเฟสแรกรายละไม่เกิน 500 บาท/เดือน พร้อมทั้งเร่งขยายร้านซื้อของ

รมว.คลังเสนอ ครม. ไฟเขียวคืนเงินภาษีแวตให้ผู้มีรายได้น้อยเฟสแรกรายละไม่เกิน 500 บาท/เดือน พร้อมทั้งเร่งขยายร้านซื้อของ

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เปิดเผยว่า มาตรการคืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือภาษีแวต ให้กับผู้มีรายได้น้อยจะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบในสัปดาห์หน้าหรือสัปดาห์ต่อไป จะเริ่มวันที่ 1 พ.ย. 2561-31 เม.ย. 2562 ซึ่งเป็นเฟสแรกที่จะเริ่มทำ ส่วนการดำเนินการในส่วนเฟส 2 จะดำเนินการอย่างไร จะต้องประเมินผลจากเฟสแรกก่อน โดยผู้มีรายได้น้อยที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐนำเงินจากในบัตรไปใช้จ่ายซื้อสินค้าที่มีภาษีแวต ข้อมูลภาษีแวตที่จะได้คืนจะถูกส่งมาที่กรมบัญชีกลาง หลังจากนั้นกรมบัญชีกลางก็จ่ายคืนให้ในบัตรของ ผู้มีรายได้น้อยทุกวันที่ 15 ของเดือน ถัดไป สามารถนำไปใช้จ่ายซื้อสินค้า ได้ต่อ หรือเบิกเป็นเงินสดไปใช้จ่ายได้ เบื้องต้นภาษีแวตที่จะได้รับคืนเดือนละไม่เกิน 500 บาท ตกเป็นเงินที่ผู้มีรายได้น้อยต้องใช้จ่าย 7,000-8,000 บาท/เดือน

รมว.คลัง กล่าวว่า เริ่มโครงการในเดือนแรกผู้มีรายได้น้อยจะนำบัตรไปซื้อของกับร้านธงฟ้าเท่านั้น หลังจากนั้นกระทรวงการคลังจะพยายามขยายไปยังร้านค้าอื่นๆ ทั่วไปที่อยู่ในระบบภาษีแวต เนื่องจากตอนนี้ทางสมาคมธนาคารไทยยังไม่สามารถทำให้เครื่องชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือเครื่องอีดีซีของธนาคารพาณิชย์รับบัตรผู้มีรายได้น้อยและแจ้งจำนวนมูลค่าภาษีแวตที่จะได้รับคืนไปทางกรมบัญชีกลางได้ คาดว่าในเดือนที่ 2 และ 3 น่าจะเริ่มใช้กับร้านค้าทั่วไป หากได้รับความนิยมเชื่อว่าจะมีร้านค้าที่ยังไม่ได้มาจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มจะมาจดกับกรมสรรพากรมากขึ้น เพราะทำให้ขายของได้เพิ่มขึ้น

"เศรษฐกิจไทยขยายตัวปีนี้คาดว่าจะโตไม่น้อยกว่า 4.8% แต่การกระจายลงไปที่เศรษฐกิจฐานรากยังน้อย ซึ่งเป็นเรื่องปกติของเศรษฐกิจทุนนิยม รัฐบาลจะต้องเข้าไปช่วยเศรษฐกิจฐานรากผู้มีรายได้น้อยเพิ่มขึ้น" รมว.คลัง กล่าว

ด้าน นายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า โครงการคืนภาษีแวตให้กับผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐประมาณ 15 ล้านราย จะดำเนินการทั้งสิ้น 6 เดือน เพราะติดช่วงเลือกตั้ง วงเงินที่ใช้ 3,000 ล้านบาท โดยใช้เงินจากกองทุนประชารัฐเพื่อเศรษฐกิจฐานราก

ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวอีกว่า ภาพรวมการจัดเก็บรายได้ของปีงบประมาณ 2561 น่าจะทำได้เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้เล็กน้อย โดยเป้าหมายการจัดเก็บรายได้ภาพรวมอยู่ที่ 2.9 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นการจัดเก็บรายได้จากภาษีและอื่นๆ จำนวน 2.45 ล้านล้านบาท และการกู้เพื่อชดเชยขาดดุล จำนวน 4.5 แสนล้านบาท โดยการจัดเก็บภาษีปีนี้เป็นไปตามกรอบที่วางไว้ทั้งหมด และขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดเตรียมข้อมูลเพื่อจัดทำงบประมาณปี 2563