posttoday

วอนอย่าตื่นเก็บภาษีกองทุน

01 กันยายน 2561

สรรพากรวอนนักลงทุนที่ลงทุนตราสารหนี้ผ่านกองทุนรวมอย่ากังวล หลัง ครม.สั่งรีดภาษีจากดอกเบี้ย 15%

สรรพากรวอนนักลงทุนที่ลงทุนตราสารหนี้ผ่านกองทุนรวมอย่ากังวล หลัง ครม.สั่งรีดภาษีจากดอกเบี้ย 15%

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติให้จัดเก็บภาษีเงินได้จากดอกเบี้ยได้รับจากการลงทุนตราสารหนี้ผ่านกองทุนรวมในอัตรา 15% ว่า หลังจากนี้ต้องส่งเรื่องให้กฤษฎีกาพิจารณา ก่อนเสนอให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาตามขั้นตอนกฎหมาย ดังนั้นขณะนี้กฎหมายยังไม่มีผลบังคับใช้จริง จึงไม่ได้ส่งผลกระทบกับกองทุนรวมที่ดำเนินการในปัจจุบัน

สำหรับความกังวลว่าการจัดเก็บภาษีดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อค่าบริหารจัดการของกองทุนรวม (ค่าฟี) นั้น มองว่าการจัดเก็บภาษีจากดอกเบี้ยที่ได้รับจะช่วยทำให้เกิดความเป็นธรรมในระบบมากยิ่งขึ้น ซึ่งหลังจากนี้กองทุนรวมต่างๆ ก็จะมีการแข่งขันกันเรื่องค่าฟีเพิ่มขึ้นด้วย เช่น อาจมีการลดค่าฟีลง และมาปรับเพิ่มผลตอบแทนของกองทุนมากขึ้น ซึ่งเป็นผลดีกับผู้ลงทุนเอง

"เราศึกษาเรื่องนี้มานานแล้ว และตอนนี้กฎหมายยังไม่มีผลบังคับใช้ จึงไม่อยากให้ทุกฝ่ายต้องกังวล โดยเฉพาะบุคคลธรรมดาจะไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากเรื่องนี้ ดังนั้นคนที่ลงทุนในกองทุนอยู่แล้วจึงไม่ต้องกังวล โดยยืนยันว่าสิ่งที่เราทำอยู่นี้ เพื่อเป็นการสร้างความเป็นธรรมให้ระบบ ส่วนเรื่องค่าฟีที่หลายฝ่ายเป็นห่วงนั้น เชื่อว่ากองทุนรวมจะสามารถบริหารจัดการได้ จึงไม่ต้องกังวลว่าผลตอบแทนจะลดลง ดังนั้นหลังจากนี้อาจจะได้เห็นภาพการแข่งขันเรื่องค่าฟีมากขึ้น เพราะค่าฟีตรงนี้สามารถแข่งขันกันได้ ขณะที่เงินภาษีที่ได้ก็สามารถนำไปพัฒนาประเทศ" นายเอกนิติ กล่าว

ปัจจุบันบุคคลธรรมดาที่ลงทุนในตราสารหนี้โดยตรงจะต้องเสียภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย 15% ขณะที่บุคคลธรรมดาที่ลงทุนผ่านกองทุนรวมจะเสียภาษีเพียง 10% ซึ่งมีการกำหนดเพิ่มเติมให้กองทุนรวมที่ตั้งขึ้นตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เป็นหน่วยภาษีเงินได้นิติบุคคล แต่ให้เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับดอกเบี้ยส่วนลดและเงินได้ที่มีลักษณะทำนองเดียวกันกับดอกเบี้ยเท่านั้น โดยให้หักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตรา 15% ของเงินได้

นอกจากนี้ จะมีการยกเลิกบทบัญญัติเกี่ยวกับกองทุนรวมที่ตั้งขึ้นตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 58 ด้วย ซึ่งหน่วยงานต่างๆ มีการเห็นชอบตามข้อเสนอดังกล่าว อย่างไรก็ตามกระทรวงการคลังได้คาดการณ์ว่ารายได้ของรัฐจากการเก็บภาษีนิติบุคคลตามร่าง พ.ร.บ.ในเรื่องนี้จะเพิ่มขึ้น 1,600-2,500 ล้านบาท/ปี

นายเอกนิติ ยังกล่าวถึงภาพรวมการจัดเก็บรายได้ในปีงบประมาณ 2561 ว่า กระทรวงการคลังได้ปรับลดเป้าหมายการจัดเก็บรายได้ของกรมลงมาอยู่ที่ 1.86 ล้านล้านบาท จากเป้าหมายเดิมที่ 1.9 ล้านล้านบาท เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจ โดยมั่นใจว่าจะสามารถจัดเก็บได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยภาพรวมการจัดเก็บรายได้ ณ สิ้นเดือน ก.ค. 2561 ต่ำกว่าเป้าหมายเพียง 0.02% เท่านั้น

อย่างไรก็ดี ในช่วงที่มีการประมาณการตัวเลขการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพากรในปีงบประมาณ 2561 ไว้ที่ 1.9 ล้านล้านบาทนั้น ได้มีการคาดการณ์ล่วงหน้ากว่า 1 ปีครึ่ง ซึ่งคาดว่าในปีนี้ค่าเงินบาทจะอ่อนค่าลงมาอยู่ที่ 36 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะทำให้กรมสามารถจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากการนำเข้าได้สูง และประเมินว่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกหลายครั้งในปีนี้ แต่สถานการณ์เศรษฐกิจจริงพบว่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง และไม่ได้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามที่คาดการณ์ จึงต้องมีการทบทวนเป้าหมายการจัดเก็บรายได้ของกรมภาษีใหม่ทั้งหมด