posttoday

คลังเลื่อนขึ้นภาษีบุหรี่ออกไปอีก2ปี

28 สิงหาคม 2561

รื้อใหญ่ภาษีบุหรี่ เลื่อนขึ้นภาษี 40% อีก 2 ปี พร้อมเล็งขึ้นภาษียาเส้นนอกเพิ่ม

รื้อใหญ่ภาษีบุหรี่ เลื่อนขึ้นภาษี 40% อีก 2 ปี พร้อมเล็งขึ้นภาษียาเส้นนอกเพิ่ม

น.ส.ดาวน้อย สุทธินิภาพันธ์ ผู้ว่าการการยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) เปิดเผยว่า ยสท.สรุปรับซื้อใบยาสูบจากชาวไร่ 50% จากที่เคยซื้อปีที่ผ่านมาหลังจาก ที่กระทรวงการคลังแจ้งอย่างไม่เป็นทางให้ ยสท. รับทราบว่าจะขยายการปรับเพิ่มขึ้นภาษีบุหรี่ตามราคาจาก 20% เป็น 40% ในวันที่ 1 ต.ค. 2562 ออกไปอีก 2 ปี เป็นวันที่ 1 ต.ค. 2564 ทำให้ ยสท. มียอดขายบุหรี่มากพอที่จะรับซื้อใบยาจากผู้ปลูกชาวไร่ได้

"เดิมหากไม่มีการขยายเวลาการขึ้นอัตราภาษีบุหรี่ ยสท.มีใบยาในสต๊อกที่ผลิตได้ถึงปี 2566 โดยที่ไม่ต้องรับซื้อเพิ่มเติม ซึ่งที่ผ่านมาในการประชุมเร่ง เบิกจ่ายงบประมาณลงทุน นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง ได้แจ้งให้ทราบว่า จะช่วย โดยการขยายเวลาการขึ้นภาษีบุหรี่ให้อีก 2 ปี ซึ่งการขยายเวลาทำให้ ยสท.รับซื้อใบยาสูบจากชาวไร่ได้แม้ว่าจะไม่ได้มากเท่าเดิมก็ตาม" น.ส.ดาวน้อย กล่าว

น.ส.ดาวน้อย กล่าวว่า ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขจะเก็บเงินจากบุหรี่ซองละ 2 บาท เพื่อเข้ากองทุนประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งทาง ยสท.ได้แจ้งกับทางกระทรวงสาธารณสุขว่าไม่มีกำลังที่จะจ่ายให้ เพราะหลังจากปรับอัตราภาษีใหม่เมื่อวันที่ 16 ก.ย. 2560 ทำให้กำไรจากบุหรี่ของ ยสท. จาก 7 บาท/ซอง เหลืออยู่ 10 สตางค์/ซอง หากต้องส่งเงินให้กองทุนอีก 2 บาท ก็จะทำให้ ยสท.ขาดทุน พนักงานเดือดร้อน รวมถึงชาวไร่และ ผู้ค้าส่งต่างๆ ด้วย

ทั้งนี้ ในปัจจุบันตลาดบุหรี่โดยรวมในไทยลดตัวลงมากจากเดิม 4.2 หมื่นล้านมวน เหลือ 3 หมื่นล้านมวน ในส่วนของ ยสท.จากจำหน่ายได้ปีละ 2.8 หมื่นล้านมวน เหลือ 1.9 หมื่นล้านมวน คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดจาก 80% เหลืออยู่ 60% ทำให้คาดว่าปีนี้จะมีกำไรประมาณ 200-300 ล้านบาท จากเดิมที่กำไรปีละ 7,000-9,000 ล่านบาท

นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.คลัง กล่าวว่า การขยายเวลาการเพิ่มอัตราภาษีบุหรี่เป็น 40% ออกไปอีก 2 ปี ยังมีเวลาพิจารณาปัจจัยต่างๆ ให้ครบถ้วน โดยต้องอยู่บนหลักสากลและเป็นธรรมกับผู้ประกอบการทุกราย อย่างไรก็ตามในส่วนของภาษียาเส้นจะมีการพิจารณาปรับขึ้น เนื่องจากหลังปรับเพิ่มภาษีบุหรี่ทำให้คนหันไปสูบยาเส้นมากขึ้น และมีผู้ประกอบการจำนวนมากเข้าทำตลาดยาเส้น อย่างไรก็ตามการปรับขึ้นภาษียาเส้นก็จะต้องไม่กระทบกับยาเส้นที่ปลูกโดยเกษตรกรภายในประเทศ จะเป็นการปรับขึ้นของยาเส้นในส่วนอื่นๆ ที่มีการนำเข้ามาจำหน่ายเพิ่มมากขึ้น