ทิสโก้ขึ้นดอกเบี้ยสินเชื่อรถยนต์0.1%

ทิสโก้รับมือดอกเบี้ยขาขึ้น ประกาศขึ้นดอกเบี้ยแล้ว 0.1% มั่นใจไม่กระทบผู้กู้ ทั้งปีตั้งเป้าโต 3-5%

นายศักดิ์ชัย พีชะพัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทิสโก้ เปิดเผยว่า ธนาคารได้ขึ้นดอกเบี้ยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์แล้วเมื่อต้นเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา เป็นการขึ้นดอกเบี้ยคงที่ (Flat Rate) 0.1% เฉลี่ยอยู่ที่ 2.25-2.4% ขณะเดียวกันได้เริ่มพูดคุยกับพันธมิตรค่ายรถยนต์ เช่น ฟอร์ดและมาสด้า ถึงการปรับแคมเปญดอกเบี้ย ซึ่งสินเชื่อรถยนต์ของทิสโก้ 70-80% มาจากพันธมิตร

อย่างไรก็ดี อัตราดอกเบี้ยไม่ใช่ปัจจัยสำคัญของการตัดสินใจซื้อรถยนต์ใหม่ของผู้บริโภค การขึ้นดอกเบี้ย 0.1% มีผลกับค่างวดผ่อนเพียง 20-30 บาท ปัจจัยการตัดสินใจมาจากสมรรถนะของรถยนต์และแคมเปญจูงใจของค่ายรถยนต์มากกว่า โดยการขึ้นดอกเบี้ยสินเชื่อรถยนต์มีผลทางจิตวิทยา ไม่ได้มีผลต่อพื้นฐานและปัจจุบันดอกเบี้ยต่ำมาก

ทั้งนี้ ธนาคารต้องปรับแผนเพื่อรองรับดอกเบี้ยขาขึ้น ซึ่งมีสัญญาณจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และตลาดการเงินโลก ธนาคารจึงจะไม่เร่งสินเชื่อมาก เพราะสินเชื่อเช่าซื้อคิดดอกเบี้ยคงที่ระยะยาว 4-5 ปี หากปล่อยสินเชื่อในช่วงนี้ มีโอกาสที่จะทำให้ขาดทุนได้ในปีที่ 3-4 ที่ดอกเบี้ยขึ้นไปแล้ว ทำให้ต้องวางแผนบริหารต้นทุนการเงินระยะยาวที่สอดคล้องกัน

“แนวโน้มสินเชื่อรถยนต์ในครึ่งปีหลังน่าจะดีกว่าครึ่งปีแรก มีโอกาสของยอดขายถึง 1 ล้านคัน แต่จังหวะที่จะกลับมาโตเช่าซื้อไม่ได้ดูแค่ตลาดอย่างเดียว แต่ต้องดูจุดแข็งของเรา พูดตรงๆ ห่วงดอกเบี้ยขาขึ้นมากกว่า หากดอกเบี้ยขึ้นแรง คนบุ๊กโลนเยอะจะขาดทุนได้ในปีที่ 3-4 ซึ่งปีที่ 1-2 อาจจะยังมองไม่เห็น ที่ผ่านมาการแข่งขันทำให้ดอกเบี้ยถูกเกินไป” นายศักดิ์ชัย กล่าว

สำหรับแนวโน้มไปจนถึงสิ้นปี คาดว่าอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อรถยนต์จะทยอยปรับขึ้นรวมประมาณ 0.25% ทำให้ภาพรวมการแข่งขันในตลาดผ่อนคลาย ส่วนฝั่งต้นทุนก็ออกหุ้นกู้ระยะยาวมากขึ้น และออกเงินฝากระยะยาวขึ้น ซึ่งต้องมีดอกเบี้ยที่จูงใจผู้ฝากด้วย แม้ต้นทุนสูงขึ้นบ้างแต่ก็ช่วยบริหารความเสี่ยงได้

นายศักดิ์ชัย กล่าวว่า ภาพรวมสินเชื่อรายย่อยปีนี้อาจทรงตัว โดยสินเชื่อรถยนต์เติบโตประมาณ 3-5% สินเชื่อบ้านคาดว่าจะลดลง เพราะพอร์ตที่เข้ามามีขนาดใหญ่ มีการชำระคืนหนี้มากจากฟีเจอร์ที่ให้ลูกค้าโปะได้ตลอดเวลา แต่สินเชื่อสินเชื่อสมหวังเงินสั่งได้ขยายตัวดี อาจไม่ชดเชยการเติบโตสินทรัพย์ แต่ชดเชยรายได้จากยิลด์สูงช่วยรักษาความสามารถในการทำกำไร