posttoday

ออมสินส่งชื่อหนี้ครู4พันราย

27 กรกฎาคม 2561

ออมสิน แจงส่งรายชื่อลูกหนี้ครูที่มีหนี้วิกฤต 4,000 รายให้ สกสค.ช่วยติดตามตัวมาเร่งประนอมหนี้แล้ว ยันถ้าไม่ทำก็จะผิดตามมาตรา 157 เอง

ออมสิน แจงส่งรายชื่อลูกหนี้ครูที่มีหนี้วิกฤต 4,000 รายให้ สกสค.ช่วยติดตามตัวมาเร่งประนอมหนี้แล้ว ยันถ้าไม่ทำก็จะผิดตามมาตรา 157 เอง

นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารได้ส่งรายชื่อครูที่มีหนี้วิกฤตประมาณ 4,000 ราย ที่เข้าข่ายอาจจะถูกยกเลิกสัญญาและฟ้องคดีให้ทางกระทรวงศึกษาธิการ และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) รับทราบแล้ว เพราะเป็นเรื่องที่ต้องการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย หากไม่ดำเนินการฟ้องร้อง ทางธนาคารก็จะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ในมาตรา 157

ทั้งนี้ ตลอดช่วง 10 ปีในการดำเนินโครงการนี้ ธนาคารเพิ่งฟ้องร้องดำเนินคดีกับลูกหนี้ 4,000 รายกลุ่มนี้ ซึ่งถือว่ามีจำนวนไม่มากเมื่อเทียบกับลูกหนี้ครูทั้งหมดกว่า 4 แสนราย หรือคิดเป็นสัดส่วนของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือเอ็นพีแอล เพียง 1% เท่านั้น

"ส่งรายชื่อให้ สกสค.เรียบร้อยแล้ว หากไม่ทำอะไรทางธนาคารก็มีความผิดได้ จึงอยากเชิญชวนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ชักชวนลูกหนี้กลุ่มนี้ ซึ่งมีกระจายอยู่ทั่วประเทศให้มาปรับโครงสร้างหนี้กับธนาคารโดยเร็ว" นายชาติชาย กล่าว

อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ ธนาคารออมสินทำหนังสือถึงสาขา ซึ่งเป็นการดำเนินการตามขั้นตอนปกติ ลงวันที่ 18 ก.ค. 2561 เรื่องขอให้เร่งแก้ไขปัญหาลูกหนี้ครูและบุคลากรทางการศึกษาที่เป็นหนี้ค้างชำระ และไม่เข้าร่วมมาตรการผ่อนปรนเงื่อนไขการชำระหนี้ โดยทางธนาคารเร่งรัดให้ฝ่ายกฎหมายดำเนินการยกเลิกสัญญาและฟ้องคดีให้จบภายในเดือน ก.ค.-ส.ค.นี้

สำหรับยอดสินเชื่อของโครงการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) ล่าสุด มีผู้กู้รวม4.06 แสนล้านบาท โดยมีสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล)  4,079 ราย คิดเป็น 0.94% ของลูกหนี้ทั้งหมดเท่านั้น

ที่ผ่านมาได้มีแนวทางช่วยเหลือในการปรับโครงสร้างหนี้ครู 3 แนวทาง คือ 1.กรณีรายได้คงเหลือหลังหักค่าใช้จ่ายมากกว่า 30% ของรายได้ สามารถพักชำระเงินต้นไม่เกิน 3 ปี และชำระดอกเบี้ยปกติ 100% 2.กรณีรายได้คงเหลือหลังหักค่าใช้จ่ายตั้งแต่ 15-30% ของรายได้ สามารถพักชำระเงินต้นไม่เกิน 3 ปี และชำระดอกเบี้ยปกติไม่น้อยกว่า 50% และ 3.กรณีรายได้คงเหลือหลังหักค่าใช้จ่ายน้อยกว่า 15% ของรายได้ สามารถพักชำระเงินต้นไม่เกิน 3 ปี และชำระดอกเบี้ยปกติไม่น้อยกว่า 25% เพื่อให้ผู้กู้ ที่ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามเงื่อนไขเดิมกลับมาเป็นหนี้ปกติที่ได้รับอัตราดอกเบี้ยต่ำตามเดิมได้