posttoday

รัฐอัดฉีดเงินก้อนใหญ่ ดันเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง

23 กรกฎาคม 2561

ตัวเลขการส่งออกครึ่งปีแรกขยายตัวได้ถึง 11% ทำให้เป้าหมายของ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่ต้องการให้การส่งออกทั้งปีขยายตัวได้ 10% มีความหวังเป็นจริงไม่ยาก

เกียรติศักดิ์ ผิวเกลี้ยง

ตัวเลขการส่งออกครึ่งปีแรกขยายตัวได้ถึง 11% ทำให้เป้าหมายของ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ที่ต้องการให้การส่งออกทั้งปีขยายตัวได้ 10% มีความหวังเป็นจริงไม่ยาก แม้ว่าจะมีปัญหาสงครามการค้า แต่มีการประเมินกันว่าจะส่งผลดีมากกว่าผล กระทบกับการส่งออกไทย

นอกจากนี้ ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงจากเงินทุนไหลออก เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด ขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่ง อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง กลับมองว่าเป็นผลดีกับการส่งออกไทย โดยเฉพาะรายได้เกษตรกรจะเพิ่มมากขึ้นจากการส่งพืชผลไปขายต่างประเทศ

รมว.คลัง ยืนยันว่า 2-3 ปี มีเงินทุนไหลเข้ามาเกินไป จนทำให้ค่าเงินบาทแข็งกระทบกับการขยายตัวเศรษฐกิจ และการไหลออกของค่าเงินที่หลายฝ่ายกังวลในขณะนี้ก็ได้คลายตัวลงแล้ว รวมถึง รมว.คลัง ยังได้ส่งสัญญาณถึงธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยังไม่ควรปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย เพราะจะทำให้เศรษฐกิจที่กำลังขยายตัวได้ดีเกิดการสะดุด ซึ่งการออกมาส่งสัญญาณดังกล่าวเป็นไปในทิศทางเดียวกับประธานาธิบดีสหรัฐ ที่ออกมาต่อว่าเฟดขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเร็วเกินไป ทำให้ส่งผลกระทบกับการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ

เมื่อการส่งออกเต็มใจกับการขยายตัวเศรษฐกิจ ทำให้รัฐบาลมีความหวังมองไปไกลว่าการขยายตัวเศรษฐกิจปีนี้น่าจะได้ทำได้ดีกว่าที่หน่วยงานทั้งราชการและเอกชนประเมินไว้ว่าจะขยายตัวได้ประมาณ 4.5% ซึ่งที่เห็นได้ชัดคือรัฐบาลพยายามเร่งอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังเต็มสูบในทุกๆ  ช่องทางที่ทำได้ เพื่อทำให้เศรษฐกิจในครึ่งปีหลังขยายตัวได้กว่าครึ่งปีแรก  และทำให้การขยายตัวทั้งปีได้มากกว่าที่หน่วยงานต่างๆ คาดการณ์ไว้ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์เด็ดที่รัฐบาลใช้ประชาสัมพันธ์เรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนทั้งในและนอกประเทศในปีหน้า

ดังนั้น ที่ผ่านมา สมคิด ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมการทำงานของผู้บริหารกระทรวงการคลัง รวมถึงผู้บริหารแบงก์รัฐ เป้าหมายสำคัญคือการทำงานเร่งการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ โดยมีการส่งเร่งเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ โดยพุ่งเป้าไปที่การเบิกจ่ายงบลงทุนของบริษัท การบินไทย ที่ส่ง เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร ไปนั่งเป็นประธาน และการเร่งเบิกจ่ายงบลงทุนของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ซึ่งส่ง กุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร ไปนั่งเป็นประธาน โดยการบินไทยและ ร.ฟ.ท. มีงบลงทุนรวมกันมากกว่าแสนล้านบาท หากเร่งลงทุนให้เร็วขึ้นจะช่วยการขยายตัวเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นได้มาก

นอกจากนี้ ในภาพรวมของการเบิกจ่ายยังได้สั่งการให้กรมบัญชีกลางเร่งปลดล็อกปัญหาที่เกิดจาก พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างใหม่ ที่หน่วยงานยังกลัวไม่หาย เพื่อให้การเบิกจ่ายในครึ่งปีหลังทำได้ดีกว่าครึ่งปีแรก

สมคิด ยังได้สั่งคลังเร่งอัดฉีดเงินเศรษฐกิจรากหญ้า ซึ่งมาตรการก็เริ่มมีการเปิดเผยออกมาทั้งการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือภาษีแวตให้กับผู้มีรายได้น้อยที่มาลงทะเบียนกับรัฐบาล 11.4 ล้านคน ซึ่งคาดว่าจะกระตุ้นการใช้จ่ายรากหญ้าได้หลายหมื่นล้านบาท ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปีนี้ ที่จะเป็นช่วงที่มาตรการมีผล

นอกจากนี้ ยังจะมีมาตรการพักชำระหนี้เกษตรกรอีก 3 ปี และรัฐบาลจะช่วยจ่ายดอกเบี้ยให้อีก 2-3% เพื่อบรรเทาภาระให้เกษตรกรในช่วงที่ราคาพืชผลยังดีขึ้นไม่เต็มที่ ซึ่งเท่ากับว่าเป็นการเติมเงินในกระเป๋าเกษตรกรให้มีไปใช้จ่ายได้เพิ่มขึ้น 3 ปี โดยเฉพาะในครึ่งปีหลัง  2561

ทั้งหมดจะเป็นว่ารัฐบาลมองไกลที่กว่าคิด แล้วต้องการให้เศรษฐกิจปีนี้โตเกินกว่าที่คาด โดยการเร่งอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจทั้งในภาพรวมและฐานราก