posttoday

รีดภาษี2ล้านล้าน สรรพากรตั้งเป้าใช้เอไอเพิ่มประสิทธิภาพ

02 มิถุนายน 2561

อธิบดีกรมสรรพากร เตรียมนำเทคโนโลยี ดิจิทัลมาใช้จัดเก็บรายได้ ปี 2562 เล็งขยายฐานอีคอมเมิร์ซ-บุคคลธรรมดา จ้องดึงต่างชาติเข้าสู่ระบบมากขึ้น

อธิบดีกรมสรรพากร เตรียมนำเทคโนโลยี ดิจิทัลมาใช้จัดเก็บรายได้ ปี 2562 เล็งขยายฐานอีคอมเมิร์ซ-บุคคลธรรมดา  จ้องดึงต่างชาติเข้าสู่ระบบมากขึ้น

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ปีงบประมาณ 2561 กรมสรรพากรจะเก็บภาษีให้ได้ตามที่สัญญากับกระทรวงการคลัง 1.86 ล้านล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ในเอกสารงบประมาณ 4 หมื่นล้านบาท เนื่องจากมีการปรับเป้าหมายการทำงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์จริง

ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2562 กรมสรรพากรมีเป้าหมายเก็บภาษี 2 ล้านล้านบาท เพิ่มจากปีงบประมาณก่อนหน้าค่อนข้าง มาก แต่มั่นใจว่าจะเก็บได้ตามเป้าหมาย เนื่องจากมีการดำเนินการดิจิทัล ทรานส์ ฟอร์เมชั่น (Digital Transformation) ปรับระบบนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในทุกกระบวนการทำงานของกรมสรรพากร เพื่อเพิ่ม ประสิทธิภาพในการบริหารการจัดเก็บภาษี

นอกจากนี้ ยังจะมีการแก้กฎหมายขยายฐานภาษี เช่น การเก็บภาษีอี-คอมเมิร์ซ เพื่อเก็บภาษีผู้ประกอบการต่างประเทศที่เข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทยแต่ไม่เสียภาษี ซึ่งนอกจากเพิ่มการเก็บภาษีให้มากขึ้น ยังสร้างความเป็นธรรมกับผู้ประกอบการในประเทศที่เสียภาษีถูกต้องด้วย

ขณะเดียวกัน ยังให้ผู้บริหารกรมสรรพากรเร่งเก็บภาษีคงค้างที่มีอยู่มากกว่า 1 แสนล้านบาท ให้รวดเร็วขึ้น โดยให้วิเคราะห์ข้อมูลอย่างเป็นระบบเพื่อให้เก็บภาษีคงค้างได้รวดเร็วมากขึ้น รวมถึงให้เร่งประชาสัมพันธ์ผู้ประกอบการให้ทำบัญชีเดียว ซึ่งเป็นมาตรการหนึ่งที่ทำให้การเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้น และปี 2562 ผู้ประกอบการจะต้องใช้บัญชีที่ยื่นกับกรมสรรพากรเท่านั้น เพื่อขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน

"สรรพากรยุคใหม่เน้นนำดิจิทัลมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพจัดเก็บภาษีและบริการประชาชน พร้อมตั้งเป้าเป็นกรมสรรพากรดิจิทัลภายในปี 2563 โดยในปีนี้จะทำระบบวิเคราะห์ข้อมูล และในปี 2562 จะเชื่อมระบบข้อมูลต่างๆ เข้าด้วยกัน และในปี 2563 การเก็บภาษีของกรมสรรพากรจะเป็นระบบเอไอเต็มตัว ระบบจะสามารถรู้ได้เลยว่าผู้เสียภาษีคนไหนยังเสียภาษีไม่ครบ โดยไม่ต้องใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่" นายเอกนิติ กล่าว

สำหรับการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือแวต กรมอยู่ระหว่างเสนอกระทรวงการคลังพิจารณาขยายเวลาการลดภาษีแวตจาก 10% เหลือ 7% ออกไปอีก 1-2 ปี เพราะเห็นว่าไม่มีความจำเป็นต้องขึ้นภาษีในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวได้ดี โดยการเพิ่มภาษีแวตจะทำเมื่อมีปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจและเศรษฐกิจมีความร้อนแรงมากเกินไปเท่านั้น

นายเอกนิติ กล่าวอีกว่า ได้เป็นประธานการประชุมสัมมนาผู้บริหารกรมสรรพากร ทั่วราชอาณาจักร ปีงบประมาณ 2561 พร้อมถ่ายทอดสดให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ ของกรมสรรพากรกว่า 2 หมื่นคน ได้รับทราบเรื่องสำคัญที่ต้องดำเนินการ ได้แก่ ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรต้องเป็นคนซื่อสัตย์ รับผิดชอบ ให้บริการที่ดีแก่ผู้เสียภาษี ต้องเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บภาษี โดยการขยายฐานภาษีให้คนที่อยู่นอกระบบเข้ามาในระบบ แยกผู้เสียภาษีดีกับไม่ดีออกจากกันให้ชัดเจน ผู้เสียภาษี ดีต้องได้รับการสนับสนุน สำหรับผู้เสียภาษีที่ไม่ดีต้องได้รับการลงโทษทางกฎหมายโดยไม่มีการผ่อนปรน

นอกจากนี้ กรมสรรพากรต้องปรับเปลี่ยนองค์กรตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของรัฐบาล เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายการเป็นกรมสรรพากรดิจิทัล หรือ Digital RD ได้ภายในปี 2563 ได้แก่ การยื่นแบบแสดงรายการในระบบดิจิทัล เช่น การนำระบบ e-Filing มาใช้งาน การยื่นแบบแสดงรายการในระบบอิเล็กทรอนิกส์ และนำระบบ e-Tax Invoice และ e-Receipt มาใช้เพื่อให้เกิดความสะดวกรวดเร็ว