posttoday

เตือนยื่นภาษีนิติบุคคล

01 มิถุนายน 2561

สรรพากรเร่งผู้ประกอบการเสียภาษีเงินได้ก่อนถึงเส้นตาย ภายในวันที่ 7 มิ.ย.นี้

สรรพากรเร่งผู้ประกอบการเสียภาษีเงินได้ก่อนถึงเส้นตาย ภายในวันที่ 7 มิ.ย.นี้

นางแพตริเซีย มงคลวนิช รองอธิบดีกรมสรรพากร รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์การจัดเก็บภาษี (กลุ่มธุรกิจพลังงาน) ในฐานะโฆษกกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ขณะนี้ใกล้สิ้นสุดระยะเวลาการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้นิติบุคคลประจำปีตามแบบ ภ.ง.ด.50 ภ.ง.ด.52 หรือ ภ.ง.ด.55 สำหรับบริษัทห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล มูลนิธิ สมาคม หรือนิติบุคคลอื่น ที่มีรอบระยะเวลาบัญชีสิ้นสุดในวันที่ 31 ธ.ค. 2560 แล้ว

ดังนั้น กรมสรรพากรจึงขอให้ผู้เสียภาษีรีบดำเนินการยื่นแบบฯ ผ่านช่องทางที่สะดวกภายในกำหนดเวลา โดยผู้ประสงค์จะยื่นแบบฯ ด้วยกระดาษต้องยื่นแบบฯ พร้อมงบการเงิน ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาในท้องที่ที่สำนักงานใหญ่ของนิติบุคคลตั้งอยู่ ภายในวันพุธที่ 30 พ.ค. 2561 ที่ผ่านมา สำหรับการยื่นแบบฯ ทางอินเทอร์เน็ต สามารถยื่นได้จนถึงวันพฤหัสบดีที่ 7 มิ.ย. 2561

นางแพตริเซีย กล่าวว่า ในปีนี้กรมสรรพากรได้มีการเชื่อมโยงข้อมูลงบการเงินกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ซึ่งจะเป็นการอำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการที่ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้นิติบุคคลผ่านอินเทอร์เน็ต โดยหากท่านได้ยื่นงบการเงินอิเล็กทรอนิกส์ หรือ DBD e-Filing ผ่านเว็บไซต์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าแล้ว ไม่จำเป็นต้องยื่นงบการเงินต่อกรมสรรพากรอีก

อย่างไรก็ดี สำหรับผู้ประกอบการที่เป็นห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนที่ไม่ต้องมีผู้สอบบัญชีรับอนุญาตตรวจสอบและรับรองงบการเงิน แต่ประสงค์จะใช้งบการเงินผ่าน DBD e-Filing ที่ยื่นต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าสามารถดำเนินการได้ 2 แนวทาง หากได้ยื่นงบการเงินอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมี

รายงานการตรวจสอบและรับรองบัญชีต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าแล้ว สามารถใช้งบการเงินดังกล่าวได้โดยไม่ต้องดำเนินการเพิ่มเติม หรือหากไม่มีรายงานการตรวจสอบและรับรองบัญชีจะต้องส่งรายงานการตรวจสอบและรับรองบัญชีเพิ่มเติมผ่านระบบ e-Filing ของกรมสรรพากร

ทั้งนี้ การเก็บภาษีของกรมสรรพากรในรอบ 7 เดือน ปีงบประมาณ 2561 ได้ 8.99 แสนล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 6,554 ล้านบาท เนื่องจากภาษีมูลค่าเพิ่มต่ำกว่าเป้าหมาย 1.42 หมื่นล้านบาท และภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาต่ำกว่าเป้าหมาย 1,958 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ภาษีเงินได้นิติบุคคลเก็บได้สูงกว่าเป้าหมาย 4,524 ล้านบาทเนื่องจากภาษีจากกำไรสุทธิ (ภ.ง.ด.50) ของกลุ่มบริษัทที่มีรอบระยะเวลาบัญชีเป็นปีงบประมาณและภาษีหัก ณ ที่จ่ายภาคเอกชน (ภ.ง.ด.53) ขยายตัวดีกว่าที่คาด