posttoday

ชงครม.ลดหนี้เกษตร ธกส.ตั้งเป้าหมายช่วย3ล้านราย ให้กู้3หมื่นบาทคิดดอกถูก4%

13 เมษายน 2561

ธ.ก.ส. เตรียมเสนอ ครม.หลังสงกรานต์ลดต้นทุนผลิต-หนี้นอกระบบ พร้อมเร่งเดินหน้าอบรมอาชีพบัตรสวัสดิการเฟส 2

ธ.ก.ส. เตรียมเสนอ ครม.หลังสงกรานต์ลดต้นทุนผลิต-หนี้นอกระบบ พร้อมเร่งเดินหน้าอบรมอาชีพบัตรสวัสดิการเฟส 2   

นายอภิรมย์ สุขประเสริฐ ผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า เตรียมเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีหลังเทศกาลสงกรานต์พิจารณาแนวทางการลดต้นทุนการผลิตให้กับเกษตรกรในกลุ่มเป้าหมาย 3 ล้านราย ปล่อยสินเชื่อไม่เกิน 3 หมื่นบาท/ราย คิดดอกเบี้ย 4% เพื่อปล่อยให้กับลูกค้า ธ.ก.ส.และสมาชิกเกษตรกร โดยห้ามนำเงินไปใช้ด้านอื่น เน้นใช้เงินผ่านบัตรสินเชื่อเกษตรกรเพื่อซื้อปัจจัยการผลิต เริ่มวันที่ 14 พ.ค. 2561 ซึ่งเป็นวันเกษตรแห่งชาติ

นอกจากนี้ จะมีโครงการช่วยลดภาระต้นทุนหลายด้านให้กับรายย่อยผู้ถือบัตรสวัสดิการรองรับการพัฒนาอาชีพ รวมถึงการดึงสหกรณ์ 20 แห่ง มาร่วมปรับปรุงประสิทธิภาพ การขายปุ๋ยสั่งตัดให้กับสมาชิกเกษตรกร เพื่อให้รู้จักการวิเคราะห์สภาพดิน การผสมปุ๋ยสั่งตัดให้ตรงกับพืชและดินแต่ละพื้นที่

นายอภิรมย์ กล่าวว่า ธ.ก.ส.ยังมี สินเชื่อด้านเกษตรอีกหลายประเภทรองรับความต้องการของเกษตรกร จึงต้องชี้แจงให้รับรู้ว่าหากปรับเปลี่ยนการผลิตต้องรู้ว่ามีความเสี่ยงต่ำกว่าการปลูกพืชเดิม จึงต้องการส่งเสริมให้รวมกลุ่มวิสาหกิจชุมชนในรูปแบบ X, Y, Z ใครมีที่ดินนำมาใช้ปลูกพืช ส่วนสมาชิกอื่นใช้ต้นทุนแรงงาน และผลผลิตนำมาขายเป็นรายได้ เมื่อต้องการสินเชื่อคิดดอกเบี้ย 0.01% กลุ่มดังกล่าวมีประมาณ 1.6 แสนราย นอกจากนี้ ยังต้องนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาส่งเสริมกลุ่มที่ยังไม่ยอมเปลี่ยนแปลงจากอาชีพเดิม 1 ล้านราย เพื่อพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้การผลิตและการตลาด

นายอภิรมย์ กล่าวว่า หลังจาก เปิดให้ผู้มีรายได้น้อยบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเฟส 2 ลงทะเบียนฝึกอบรมอาชีพ มี ผู้สนใจฝึกอาชีพเสริมผ่าน ธ.ก.ส. 3.7 ล้านราย ขณะนี้เตรียมเจ้าหน้าที่ ธ.ก.ส. (หมอประชารัฐสุขใจ) ลงพื้นที่สอบถามความต้องการเมนูอาชีพ เน้นกลุ่มรายได้ต่ำกว่า 1แสนบาท/ปี เพื่อสอบถามภาระหนี้นอกระบบ 5 แสนราย เพื่อโอนให้มาอยู่ในการดูแลของ ธ.ก.ส. หากเป็นลูกค้าของ ธ.ก.ส.จะพิจารณาสภาพหนี้เป็นอย่างไรบ้าง เพื่อช่วยลดภาระทั้งการยืดอายุการชำระหนี้ โดยเสนอให้รัฐบาลช่วยรับภาระหนี้ดอกเบี้ยบางส่วนให้

ขณะเดียวกันจะต้องมีการสอบถามผู้ที่ประกอบอาชีพเดิมที่ทำอยู่ว่ามีปัญหาอย่างไร และต้องการทำอาชีพเสริมอย่างไรบ้าง ซึ่งกลุ่มนี้จะมีประมาณ 6 แสนราย คาดว่าเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สอบถามชาวบ้านได้ประมาณ 20 ราย/วัน ต่อเจ้าหน้าที่ 1 ราย  และคาดว่าจะต้องเร่งดำเนินการอบรมอาชีพช่วงเดือน พ.ค.นี้ และจะส่งข้อมูลและประสานไปยังกรมส่งเสริมการเกษตร เพื่อร่วมกับ ธ.ก.ส.จัดโซนพื้นที่ออกฝึกอบรม หากพื้นที่ใดกระทรวงเกษตรฯ ไม่ส่งเสริมให้ปลูกพืชจะได้เปลี่ยนอาชีพไปปลูกพืชเศรษฐกิจอื่นทดแทน

ทั้งนี้ จะเริ่มปฏิรูปภาคเกษตรด้วยการใช้การตลาดเป็นตัวนำให้ทราบราคาตลาดรับซื้อเพื่อตัดสินใจปลูกพืช จากนั้นจะให้สหกรณ์การเกษตร 1,368 แห่งทั่วประเทศ และตลาดประชารัฐเป็นแหล่งรับซื้อผลผลิต ดังนั้น ปีนี้จึงเน้นฟื้นฟูสหกรณ์การเกษตรที่ ธ.ก.ส.ดูแลให้มีประสิทธิภาพ ใช้เป็นหัวขบวนในพื้นที่คอยรับซื้อผลผลิตและช่วยเหลือสมาชิกรายย่อย