ธปท.ยันแบงก์ไทยแข็งแกร่ง

ธปท.ลุ้น สนช.ผ่านร่าง พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย ใช้ยกระดับมาตรฐานสถาบันการเงิน

นายสมบูรณ์ จิตเป็นธม ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการเสนอปรับปรุง พ.ร.บ.ธปท.ว่า สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้รับหลักการที่ ธปท.เสนอปรับปรุงกฎหมาย ธปท.ไปแล้ว ปัจจุบันอยู่ในกระบวนการชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการ สนช. ขั้นตอนนี้จะดูเป็นรายมาตราและใช้เวลาพิจารณา 60 วัน แต่สามารถขยายระยะเวลาได้โดยขึ้นอยู่กับประเด็น

ทั้งนี้ ในการแก้ไขร่างกฎหมายธปท. หลักการของกฎหมายเดิมยังมีอยู่ สิ่งที่เพิ่มเข้าไปคือกำหนดมาตรการดูแลปัญหาสถาบันการเงิน ซึ่งประเด็นนี้เป็นเหมือนยกหลักการ อ้างอิงวิธีการเดิมที่เคยมีในบทเฉพาะกาลมาใส่ไว้ในกฎหมายใหม่ เพื่อให้เป็นมาตรการถาวรและชัดเจนขึ้น เนื่องจากบทเฉพาะกาลนั้นหมดอายุไปตั้งแต่ปี 2555 ซึ่งหลังปีที่หมดอายุ ทุกภาคส่วนไม่ได้นิ่งนอนใจ พยายามเสนอประเด็นมาตรการดูแลปัญหามาแก้ไขใส่ไว้ในร่างกฎหมายธปท. แต่ช่วงนั้นมีการเปลี่ยนแปลงมาก จึงยังไม่สามารถเสนอกฎหมายได้ กระทั่งช่วงนี้เป็นเวลาที่เหมาะสม

ขณะที่การแก้ไขกฎหมายนี้เป็นเพียงการสร้างเครื่องมือไว้ล่วงหน้า หากมีปัญหาในอนาคตจะได้รับมือได้ เพื่อยกระดับมาตรฐานสถาบันการเงิน ซึ่งจะทำให้รองรับการประเมินภาคการเงิน (เอฟแซบ) ไตรมาส 4 ปีนี้ได้ เนื่องจากมาตรฐาน ขั้นต่ำกำหนดให้แต่ละประเทศต้องมีเครื่องมือเตรียมพร้อมไว้

นายสมบูรณ์ กล่าวว่า หากแก้ไขกฎหมายธปท.เรียบร้อย ก็ไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อระบบสถาบันการเงินในปัจจุบัน เพราะสถาบันการเงินมีความเข้มแข็งมาก สิ้นปีที่ผ่านมาระบบธนาคารพาณิชย์ดำรงเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (บีไอเอส เรโช) 18% สูงกว่าค่าขั้นต่ำซึ่งกำหนดไว้ 8.5% อีกทั้งมีเงินสำรองพึงกันสูงถึง 170% หากไม่มีปัญหาอะไรใหม่เกิดขึ้น สถาบันการเงินก็ยังดำเนินการทุกอย่างเหมือนเดิม

สำหรับสถาบันการเงินยังส่งสมทบ 0.47% ของฐานเงินฝากเหมือนเดิม แบ่งเป็น ส่งให้สถาบันคุ้มครองเงินฝาก 0.01% ชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยกองทุนฟื้นฟูฯ 0.46% อนาคตหากมีความเสียหายต่อระบบสถาบันการเงินเกิดขึ้นใหม่ สถาบันการเงินในระบบจะต้องส่งเงินร่วมชดเชยความเสียหายในภายหลังในอัตราที่รวมการส่งเงินสมทบเดิมไม่เกิน 1%

"สถาบันการเงินส่งเงินชดเชยหนี้กองทุนฟื้นฟูฯ จนเหลือภาระหนี้ 8.9 แสนล้านบาทแล้ว คาดว่าจะชดใช้ส่วนนี้หมดใน 14 ปี" นายสมบูรณ์ กล่าว