posttoday

สงครามการค้าโลกไม่กระทบศก.ไทย

21 มีนาคม 2561

คลังเชื่อสงครามการค้าโลกไม่กระทบเศรษฐกิจไทย มั่นใจพื้นฐาน ประเทศแกร่ง การลงทุนปึ๊ก

คลังเชื่อสงครามการค้าโลกไม่กระทบเศรษฐกิจไทย มั่นใจพื้นฐาน ประเทศแกร่ง การลงทุนปึ๊ก

นายศรพล ตุลยะเสถียร ผู้อำนวยการสำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง กล่าวในงานเสวนา "จับทิศทางเศรษฐกิจและตลาดหุ้นจากไตรมาสแรก" ว่า ปี 2561 เศรษฐกิจไทยมีเสถียรภาพและการส่งออกมีการกระจายความเสี่ยงไปหลายประเทศ และหลายประเภทสินค้า ไม่ได้พึ่งพาประเทศใดประเทศหนึ่งมากเกินไป

ทั้งนี้ โลกและไทยกำลังกังวลว่าจะเกิดสงครามการค้า จากการที่ประธานาธิบดีสหรัฐ พยายามขึ้นภาษีสินค้าหลายอย่างเพื่อกีดกันทางการค้า ทำให้หลายๆ ประเทศส่งสัญญาณการตอบโต้ แต่เมื่อเจาะลึกลงไปแล้วจะเห็นว่า การขึ้นภาษีเหล็กกล้า 25% และอะลูมิเนียม 10% ซึ่งจะมีผลในวันศุกร์นี้ ไม่กระทบกับไทยมาก เพราะไทยส่งออกเหล็กนี้ไปสหรัฐแค่ 3% และอะลูมิเนียมแค่ 0.4% ของมูลค่าการส่งออกรวม จึงไม่กระทบกับตัวเลขการเติบโตของเศรษฐกิจไทย และสัดส่วนการค้ากับสหรัฐ ยุโรป ญี่ปุ่น ก็ลดลงเหลือประมาณ 10% แต่ต้องดูว่าประเทศที่ส่งออกไปตลาดสหรัฐลดลง จะมีการดัมพ์ตลาดไทยหรือไม่

สำหรับผลกระทบจากการขึ้นภาษีเครื่องซักผ้า ภาษีโซลาร์เซลล์ ไทยไม่ได้รับผลกระทบมากนักเช่นกัน แต่จะกระทบกับเกาหลีใต้ และจีนมากที่สุด

ด้านกลุ่มภาคการผลิต หรือเรียล เซ็กเตอร์ จะเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อน เศรษฐกิจไทยให้เติบโต ซึ่งจะเห็นว่าปีนี้คาดว่าไทยจะมีดุลบัญชีเดินสะพัด 45 พันล้านเหรียญสหรัฐ แม้ว่าในเดือน ก.พ.จะมีเงินไหลออกจากการขายพันธบัตรสูงมาก มีการขายหุ้น แต่ค่าเงินบาทยังแข็ง เพราะพื้นฐานเศรษฐกิจดีมาก

ขณะที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวไม่มีความเสี่ยงเลย ปีนี้คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามา 38-39 ล้านคน จากปี 2560 ที่มี 35 ล้านคน รายได้เข้าประเทศเต็มเม็ดเต็มหน่วย เพราะใช้ทรัพยากรในประเทศเกือบทั้งหมด ทั้งแรงงาน วัตถุดิบต่างๆ โรงแรม และยังสร้างรายได้ในจังหวัด ใหญ่ๆ ที่รัฐบาลส่งเสริมการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น  ทำให้ประชาชนในท้องถิ่นสามารถขายสินค้าเกษตรแบบขายปลีก

นายกิตติ เจริญกิจชัยชนะ ผู้บริหารกลุ่มงานขายผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า พื้นฐานเศรษฐกิจไทยที่แข็งแกร่ง ทำให้ค่าเงินบาทของไทยยังคงอยู่ในระดับที่แข็งค่า โดยค่าเงินในเอเชียไม่รวมญี่ปุ่น จะมีค่าเงินบาทไทย และค่าเงินริงกิตของมาเลเซีย ที่มีการแข็งค่าขึ้นใกล้เคียงกันประมาณ 4%