ไทยพาณิชย์รุกบริการโอนเงิน

เตรียมนำเทคโนโลยีบล็อกเชน เพิ่มประสิทธิภาพการโอนเงินต่างประเทศ ลดต้นทุนและเวลา เจาะกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ถึงรายย่อย

นายวศิน ไสยวรรณ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ผู้บริหารสูงสุด ด้านธุรกิจขนาดใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า ธนาคารเตรียมสร้างแพลตฟอร์มที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานใหม่ของธนาคาร เพื่อรองรับการทำธุรกรรมของลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ พร้อมเชื่อมโยงกับบริการชำระเงินเอสเอ็มอีและรายย่อย เช่น คิวอาร์โค้ดแม่มณี ทำให้ลูกค้ามีความสะดวกมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ การทำแพลตฟอร์มชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าว สนับสนุนการรุกลูกค้าซัพพลายเชนตามกลยุทธ์งานลูกค้ารายใหญ่มุ่งขยายฐานลูกค้าบริษัทขนาดกลาง หรือ 500-5,000 ล้านบาท มากขึ้น จากปัจจุบันลูกค้ารายใหญ่ของธนาคารยังกระจุกตัวในกลุ่มลูกค้ายักษ์ใหญ่ระดับ 5,000 ล้านบาทขึ้นไป

นอกจากนี้ ธนาคารจะหันมาเน้นลูกค้ากลุ่มสินเชื่อระยะสั้นเพิ่มขึ้น เนื่องจาก ลูกค้ากลุ่มดังกล่าวสามารถต่อยอดสินเชื่อและเพิ่มความใกล้ชิดระหว่างธนาคารกับลูกค้าได้มากขึ้น นอกจากซัพพลายเชนแล้วกลุ่มลูกค้าที่เน้นมากขึ้น คือ ลูกค้าสินเชื่อหมุนเวียนธุรกิจ โดยเฉพาะสัดส่วนสินเชื่อระยะสั้นตั้งเป้าหมายเพิ่มจาก 30% เป็น 40%ในปีนี้

ด้านธนาคารตั้งเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ไว้ที่ 5-6% จากยอดคงค้าง 7.5 แสนล้านบาท เมื่อสิ้นปีที่แล้ว โดยได้รับแรงสนับสนุนจากโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ โครงการอีอีซี ทำให้บริษัทรับเหมาก่อสร้างได้รับอานิสงส์ ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) คุมไม่เกิน 2%

นายอารักษ์ สุธีวงศ์ รองผู้จัดการอาวุโสสายกลยุทธ์ ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาขยายบริการโอนเงินระหว่างประเทศผ่านเทคโนโลยีบล็อกเชนเพิ่มเติม จากปัจจุบันที่ให้บริการโอนเงินจากญี่ปุ่นมายังไทย เบื้องต้นจะเป็นเงินสกุลยูโรและปอนด์สเตอร์ลิง คาดว่าจะได้ข้อสรุปปลายไตรมาส 2 นี้

เมื่อปลายปี 2560 ธนาคารไทยพาณิชย์ได้ลงทุนในบริษัท Ripple ผู้ให้บริการโซลูชั่นด้านการชำระเงินชั้นนำของโลกจากสหรัฐ โดยใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน และได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับบริษัท SBI Remit จากญี่ปุ่นเพื่อให้บริการโอนเงินระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นสถาบันการเงินไทยรายแรกที่นำบล็อกเชนมาให้บริการแก่ลูกค้ารายย่อย เพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการรับโอนเงินจากญี่ปุ่น จากปกติใช้เวลาเป็นวันเหลือเพียงไม่กี่นาที