อาลีเพย์ชี้2ปีไทยยุคไร้เงินสด

อาลีเพย์ เชื่อสังคมไร้เงินสดไทยเกิดขึ้นเร็ว หลังรัฐหนุนและคนไทยกล้าที่จะใช้จ่ายออนไลน์

น.ส.พิภาวิน สดประเสริฐ ผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทย แอนท์ ไฟแนนเชียล เซอร์วิสเซส กรุ๊ป เปิดเผยว่า จุดเปลี่ยนในไทยเรื่องการใช้จ่ายออนไลน์ คาดในอีก 2 ปีจะโตกว่านี้ เพราะมีความต้องการของตลาดมากขึ้น อีกทั้งการเดินหน้าเรื่องการใช้อี-วอลเล็ตของธนาคารแห่งประเทศไทย ทำให้สถาบันการเงินกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายออนไลน์ทำให้ผู้บริโภคตื่นตัว เชื่อว่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้การใช้จ่ายอี-วอลเล็ตเดินหน้าเร็วขึ้น

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาอาลีเพย์เติบโตเร็ว เพราะคนจีนมีการซื้อสินค้าผ่านอี-คอมเมิร์ซมาก ส่วนในไทยต้องยอมรับว่าการเข้าถึงร้านค้าและการใช้จ่ายแบบออฟไลน์สะดวก ดังนั้นการจะทำให้อี-เพย์เมนต์เกิดได้เร็ว สิ่งแรกเลยคือคนไทยต้องกล้ามากขึ้น

นอกจากนี้ การสนับสนุนของภาครัฐก็เป็นเรื่องดีที่ช่วยให้คนไทยรับรู้และเกิดแรงกระตุ้นให้อยากใช้งานเร็วขึ้น ซึ่งผู้บริโภคเองต้องเปิดใจและกล้าที่จะลองระบบใหม่เหล่านี้ การเจาะระบบรักษาความปลอดภัยของผู้ให้บริการรายใหญ่ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะบริษัทผู้ให้บริการลงทุนสูงและมั่นใจว่าลูกค้าใช้จ่ายได้แบบไม่ต้องกังวล

น.ส.พิภาวิน กล่าวว่า ในประเทศจีนอาลีเพย์มีลูกค้ากว่า 520 ล้านคน หรือมีส่วนแบ่ง 52% ของผู้ใช้อี-วอลเล็ตรวม ชี้ให้เห็นว่าลูกค้ามั่นใจเรื่องความปลอดภัยของระบบ ซึ่งตั้งแต่เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2557 มีการลงทุนเรื่องความปลอดภัยและเทคโนโลยีต่างๆ สูงมาก มีการตรวจสอบด้วยระบบเทคโนโลยีขั้นสูง ทั้งการสแกนม่านตา ลายนิ้วมือ และรหัส KYC เป็นต้น รวมทั้งมีการการันตีที่ทำร่วมกับบริษัทประกันในจีน หากเกิดการขโมยข้อมูลหรือเจอความเสี่ยงยินดีที่จะชดใช้

สำหรับการใช้งานระบบอี-เพย์เมนต์ในไทยยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น และมีโอกาสโตเร็ว ซึ่งผู้ให้บริการรายใดดีที่สุด ความมั่นคงในระยะยาวจะเป็นตัวบอก แม้การใช้จ่ายอาลีเพย์จะเป็นการทำตลาดสำหรับนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาไทย แต่การมีพาร์ตเนอร์คือทรูมันนี่ จะช่วยให้ชาวไทยมั่นใจว่าการใช้งานบนมาตรฐานที่ไม่ต่างกัน เพราะทั้งสองบริษัททำงานร่วมกัน ทั้งเทคโนโลยี ความรู้ต่างๆ และการดีลกับคู่ค้าต่างประเทศ ซึ่งทั่วโลกมีอี-วอลเล็ตเพียง 2 ราย คือ อาลีเพย์และทรูมันนี่เท่านั้นที่ซื้อสินค้าของแอปเปิ้ลผ่านออนไลน์ได้