กสิกรไทยปักธง ธนาคารดิจิทัลแห่งภูมิภาค

กสิกรไทยเปิดธนาคารท้องถิ่นในจีน เดินหน้ากลยุทธ์ธนาคารดิจิทัลแห่งภูมิภาคเออีซีบวก 3 เชื่อมโยงธุรกิจ จีน เออีซี

นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานกรรมการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า หลังจากที่รัฐบาลจีนได้อนุมัติให้ธนาคารกสิกรไทยได้รับใบอนุญาตเป็นธนาคารท้องถิ่นเต็มรูปแบบ ขณะนี้ได้เปิดดำเนินการแล้วในชื่อ “ไคไท่หยินหาง (จงกั๋ว)” หรือบริษัท ธนาคารกสิกรไทย (ประเทศจีน) โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ ณ เมืองเซินเจิ้น มณฑลกวางตุ้ง

ธนาคารมีเครือข่ายบริการ ได้แก่ สาขาเซินเจิ้น (และสาขาย่อยหลงกั่ง) สาขาเฉิงตู สาขาเซี่ยงไฮ้ สาขาฮ่องกง สำนักงานผู้แทน ณ นครปักกิ่ง และสำนักงานผู้แทน ณ เมืองคุนหมิง และได้รับใบอนุญาตให้เปิดสาขาเซี่ยงไฮ้  เขตผู่ตง ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางการเงินของจีนและของโลกในอนาคต อีกทั้งสาขาดังกล่าวยังอยู่ในเขตเศรษฐกิจการค้าเสรีเซี่ยงไฮ้ และเป็นบริเวณที่มีธุรกรรมการค้ากับกลุ่มประเทศอาเซียนสูง มียอดธุรกรรมในปี 2559 ถึง 9.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นสัดส่วนกว่า 21% ของมูลค่าการค้าระหว่างจีนกับอาเซียนทั้งหมด

“การขยายสาขาก็เพื่อรองรับการเติบโตทางด้านการค้าและการลงทุนจากเศรษฐกิจจีนที่กำลังจะก้าวมาเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจในทศวรรษหน้า โดยเน้นกลุ่มธุรกิจที่มีการค้าการลงทุนระหว่างจีนและประเทศไทย รวมทั้งต่อยอดไปยังกลุ่มประเทศอาเซียนและเชื่อมโยงเศรษฐกิจระหว่างภูมิภาค ในฐานะธนาคารดิจิทัลแห่งภูมิภาคเออีซีบวก3 (จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้)” นายบัณฑูร กล่าว

ทั้งนี้ ในปี 2561 ธนาคารตั้งเป้าหมายขยายสินเชื่อในจีน 2.2 หมื่นล้านบาท เงินฝาก 1.2 หมื่นล้านบาท โดยยังเน้นการให้สินเชื่อธุรกิจและการเชื่อมโยงการลงทุนจากจีนไปกลุ่มประเทศเออีซี และภายในอีก 2 ปี จะเริ่มทำธุรกิจสินเชื่อรายย่อยในจีน

ในขณะเดียวกันได้ตั้งเป้าปริมาณธุรกิจสาขาต่างประเทศของธนาคารมียอดสินเชื่อในปี 2561 ที่ 2.9หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 30% และยอดปริมาณธุรกรรมการค้าระหว่างประเทศที่ 1.5 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% จากปี 2560

นอกจากนี้ ธนาคารยังวางแผนจะร่วมมือกับกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ บริษัทฟินเทค ในการพัฒนา ดิจิทัล แบงก์กิ้ง แพลตฟอร์ม หากเชื่อมโยงบริการของกสิกรไทยในประเทศจีน และบริการของธนาคารกสิกรไทยในประเทศไทยและประเทศอื่น

นายบัณฑูร กล่าวว่า ปัจจุบันนักธุรกิจจีนเริ่มหันมาลงทุนในตลาดเออีซีมากขึ้น ขานรับกับแผนพัฒนาประเทศฉบับที่ 13 ของจีน และยุทธศาสตร์วันเบลต์วันโรด ซึ่งในเชิงยุทธศาสตร์แล้วทำเลที่ตั้งของประเทศไทยสามารถตอบโจทย์ในการเป็นฐานการลงทุนได้มากที่สุด เนื่องจากมีประสิทธิภาพในเชิงโครงสร้างและนโยบายสนับสนุนจากภาครัฐที่เพียบพร้อม ไม่ว่าจะเป็นนโยบายระเบียงเขตเศรษฐกิจ (อีอีซี) ที่มุ่งผลักดันพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมภาคการผลิตในบริเวณอีสเทิร์นซีบอร์ด ที่เป็นศูนย์กลางในการเชื่อมโยงไปในตลาดเออีซี อื่นๆ ในกลุ่มประเทศอาเซียน จะทำให้ธนาคารก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางการชำระเงินในภูมิภาคเออีซีบวก 3

ธนาคารกสิกรไทยยังได้ลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างกรมพาณิชย์แห่งมณฑลกวางตุ้ง ในความร่วมมือและอำนวยความสะดวกระหว่างภาคธุรกิจจากมณฑลกวางตุ้งที่สนใจเข้าใจลงทุนในไทย เนื่องจากปัจจุบันภาคธุรกิจมีแนวโน้มที่จะเข้ามาลงทุนในไทยเพื่อใช้เป็นฐานในการทำการค้าในภูมิภาคเออีซีและภาคธุรกิจไทยที่สนใจเข้ามาลงทุนและทำการค้าในเขตภาคใต้ของประเทศจีน ซึ่งปัจจุบันเป็นแหล่งการค้าสำคัญของภาคธุรกิจไทย

“ธนาคารกสิกรไทยเล็งเห็นความสำคัญในการเชื่อมโยงธุรกิจ การค้า การลงทุนในภูมิภาค ไม่เพียงแต่บริการด้านการเงินเท่านั้น ทางธนาคารยังมีบริการในด้านการให้คำปรึกษาการลงทุนและการจับคู่ธุรกิจ เพื่อช่วยให้การดำเนินธุรกิจในต่างประเทศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น” ประธานกรรมการธนาคารกสิกรไทย กล่าว

สำหรับภาพรวมของการค้าไทย-จีนเองในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2560 มีมูลค่าการค้าระหว่างกันกว่า 5.9 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ จากทั้งปี 2559 อยู่ที่ 7.7 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเม็ดเงินการค้า ไทย-จีนนั้นกว่า 25% เกิดขึ้นในมณฑลกวางตุ้ง คิดเป็นมูลค่ากว่า 1.4หมื่น ล้านดอลลาร์ ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2560)