ยาสูบวอนสรรพสามิตกำหนดราคาขายบุหรี่ใหม่ หวั่นปี62ขาดทุนยับ
ยาสูบวอนสรรพสามิตตีความราคาขายปลีกแนะนำใหม่ ยันถ้าไม่แก้ไขกฎกระทรวงปี 2562 ขาดทุนหนักถึง 5,000 ล้าน
ยาสูบวอนสรรพสามิตตีความราคาขายปลีกแนะนำใหม่ ยันถ้าไม่แก้ไขกฎกระทรวงปี 2562 ขาดทุนหนักถึง 5,000 ล้าน
น.ส.ดาวน้อย สุทธินิภาพันธ์ ผู้อำนวยการโรงงานยาสูบ เปิดเผยว่า ผลกระทบจาก พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิตใหม่ขัดต่อเจตนารมณ์การปรับโครงสร้างภาษีที่ต้องการให้เสียภาษีสูงขึ้น ราคาขายปลีกแพงขึ้น และคนลดการบริโภคบุหรี่ลง
อย่างไรก็ตาม หากกรมสรรพสามิตไม่แก้ไขกฎกระทรวง หรือกำหนดราคาขายปลีกใหม่ให้เป็นธรรมกับทุกฝ่าย คาดว่าในปี 2562 ยอดขายบุหรี่จะลดลงเหลือ 8,500 ล้านมวน และโรงงานยาสูบจะขาดทุนเพิ่มขึ้นเป็น 4,000-5,000 ล้านบาทจึงต้องพิจารณาต่อว่าโรงงานยาสูบยังจำเป็นต้องย้ายโรงงานอีกหรือไม่
“ก่อนจะมีการออกกฎกระทรวงก็มีการสอบถามเรื่องราคาขายปลีกแนะนำกันแล้ว ซึ่งเข้าใจตรงกันว่าจะใช้ราคาตลาดที่ปัจจุบันเป็นราคาตั้งต้น แต่ปรากฏว่าเมื่อกฎหมายมีผลบังคับใช้กลับมีบุหรี่นอกยอมปรับราคาลง แล้วเอากำไรจากอีกยี่ห้อหนึ่งมาโปะได้”น.ส.ดาวน้อย กล่าว
สำหรับการปรับกลยุทธ์การตลาดทางโรงงานยาสูบคงไม่ออกผลิตภัณฑ์ใหม่เพราะติดเรื่องการทำประชาสัมพันธ์ต่างจากบุหรี่นอกที่มีแบรนด์เข้มแข็งกว่า การเสนอคณะกรรมการให้ลดราคาขายลงคณะกรรมการก็ไม่เห็นด้วย เพราะต้องการให้โรงงานยาสูบเสียภาษีเพิ่มตามนโยบายรัฐบาล
ทั้งนี้ คาดว่าในปี 2561 ยอดจำหน่ายบุหรี่จะลดลงเหลือ 1.7 หมื่นล้านมวน จากปี 2560 ที่มียอดจำหน่ายบุหรี่ที่ 2.8 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้ผลดำเนินงานอาจขาดทุนไม่น้อยกว่า 1,575 ล้านบาท เนื่องจากโรงงานยาสูบมีภาระในการสร้างสวนป่าเบญจกิติ การดูแลเกษตรกรที่ปลูกใบยา และดูแลโรงพยาบาลยาสูบ