posttoday

งัดม.44แก้หนี้เกษตร

21 ตุลาคม 2560

รัฐบาลใช้มาตรา 44 สั่งให้ ธ.ก.ส.ดูแลแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกร รายที่จำเป็นเร่งด่วน

รัฐบาลใช้มาตรา 44 สั่งให้ ธ.ก.ส.ดูแลแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกร รายที่จำเป็นเร่งด่วน

นายอภิรมย์ สุขประเสริฐ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. เปิดเผยว่า ธ.ก.ส.ได้ดำเนินการในการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรลูกค้าที่ประสบปัญหาด้านการผลิตและปัญหาอื่นๆ ส่งผลกระทบต่อความสามารถชำระหนี้มาตามลำดับ โดย ธ.ก.ส.จะเข้าไปพบลูกค้าเพื่อหารือแก้ไขปัญหาร่วมกันอย่างเหมาะสมกับสภาพปัญหาแต่ละราย เช่น การผัดผ่อนเวลาชำระหนี้ การปรับโครงสร้างหนี้ เป็นต้น เพื่อแบ่งเบาภาระเกษตรกร ซึ่งจะมีการกำหนดเวลาชำระหนี้ให้เหมาะสมสอดคล้องกับรายได้

สำหรับเกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส.ที่เป็นสมาชิกกองทุนฟื้นฟูเกษตรกร หรือ กฟก. และเป็นผู้มีรายได้น้อย ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด รวมทั้งเป็นหนี้ที่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่ ครม.มีมติให้ความช่วยเหลือไว้ เมื่อวันที่ 7 เม.ย. 2553 โดยกำหนดหลักเกณฑ์ไว้ กล่าวคือต้องเป็นหนี้เอ็นพีแอล ณ วันที่ 31 ธ.ค. 2552 มีหนี้ต่อรายไม่เกิน 2.5 ล้านบาท เป็นหนี้ที่เกิดจากความสุจริตจำเป็น กู้เงินเพื่อนำมาใช้การเกษตร ซึ่งการช่วยเหลือ กฟก.จะชำระหนี้แทนสถาบันการเงินที่เป็นเจ้าหนี้ และรับโอนหนี้ดังกล่าวไปเป็นลูกหนี้ของ กฟก. ซึ่งนับตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นมา ซึ่ง กฟก.ได้ชำระหนี้แทนเกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส.ไปแล้ว จำนวน 3,318 ราย จำนวนเงิน 825 ล้านบาท

ทั้งนี้ การช่วยเหลือตามแนวทางดังกล่าวที่ผ่านมา มีปัญหาอุปสรรคหลายประการ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ จึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการฯ กฟก.เฉพาะกิจ ขึ้นเพื่อเร่งแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรรายที่จำเป็นเร่งด่วนให้มีความคืบหน้า โดยมอบหมายให้ ธ.ก.ส.เร่งแก้ไขปัญหาหนี้สินของเกษตรกรที่มีรายได้น้อย ไม่สามารถชำระหนี้และอยู่ในหลักเกณฑ์ตามมติ ครม.วันที่ 7 เม.ย. 2553 จำนวน 1,150 ราย

โดย ธ.ก.ส.ได้ตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเต็มจำนวนแล้ว การดำเนินการตามมติ ครม. จึงไม่ส่งผลต่อฐานะทางการเงินของ ธ.ก.ส.แต่อย่างใด สำหรับการช่วยเหลือในครั้งนี้ ธ.ก.ส.จะได้ประสาน กฟก. ซึ่งได้รับจัดสรรงบประมาณจำนวนหนึ่งแล้ว ดำเนินการชำระหนี้แทนเกษตรกรที่มีคุณสมบัติถูกต้องตามหลักเกณฑ์งวดแรก 716 ราย วงเงิน 130 ล้านบาท

สำหรับเกษตรกรที่มีปัญหาเร่งด่วนที่เหลือ 434 ราย ที่อยู่ระหว่างดำเนินการคณะกรรมการ กฟก.เฉพาะกิจ จะได้พิจารณาให้ความช่วยเหลือ ซึ่งอาจจะใช้แนวทาง ตามมติ ครม.วันที่ 7 เม.ย. 2553 โดยรัฐจัดสรรงบประมาณ ให้ กฟก.มาชำระหนี้แทนเกษตรกร หรือจะใช้มาตรการแนวทางที่ ธ.ก.ส.มีอยู่ในปัจจุบันก็จะสามารถช่วยเหลือเกษตรกรได้เช่นกัน โดยจะเร่งรัดดำเนินการอย่างรวดเร็วต่อไป