posttoday

อัญรัตน์ พรประกฤต ความมั่งคั่งส่วนตัว องค์กร พนักงาน

09 พฤษภาคม 2560

“อัญรัตน์ พรประกฤต” เป็นสาวสายเพชร หรือขลุกอยู่ในธุรกิจเครื่องประดับเพชรมาตั้งแต่เด็ก

โดย...พูลศรี เจริญ

“อัญรัตน์ พรประกฤต” เป็นสาวสายเพชร หรือขลุกอยู่ในธุรกิจเครื่องประดับเพชรมาตั้งแต่เด็ก ไม่แค่นั้นเธอผ่านการเจียระไนมาอย่างดีจากช่างเพชรฝีมือชั้นยอด “วิโรจน์ พรประกฤต” คุณพ่อ ก่อนรับไม้ต่อหรือสืบทอดธุรกิจ ก้าวเป็นเบอร์หนึ่งขององค์กร ในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ (JUBILE)

อัญรัตน์มีพื้นฐานและคลุกคลีกับเรื่องเงินๆ ทองๆ มาตลอด เพราะนอกจากจะจบการศึกษาระดับปริญญาตรีด้านบัญชีแล้ว เธอยังเคยทำงานในสำนักงานสอบบัญชีชั้นนำ ก่อนจะศึกษาระดับปริญญาโทด้านการตลาด และสามารถคว้ารางวัลจากการประกวดแผนธุรกิจในระดับโลก

เมื่อถามถึงเรื่องการวางแผนทางการเงินหรือการ บริหารความมั่งคั่งส่วนตัว อัญรัตน์ เอ่ยสั้นๆ ว่า ปกติจะเป็นคนวิเคราะห์อยู่แล้ว สำหรับเงินลงทุนจะแบ่งเป็น 3 ก้อน

ก้อนแรก สัดส่วน 75% ของเงินออม จะจ้างมืออาชีพบริหาร หรือออกแบบการลงทุนให้ อย่างไรก็ตามเธอบอกว่า ก่อนวางแผนว่าจะกระจายการลงทุนไปสินทรัพย์ประเภทไหนบ้าง ก็จะประเมินตัวเองถึงความเสี่ยง หรือจุดที่รับเสี่ยงได้ เงินลงทุนก้อนนี้จะลงทุนผ่านบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม หรือ บลจ. 2-3 ราย โดยจะลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ

“เนื่องจากอัญมีงานประจำ เป็นนักธุรกิจ จึงไม่มีเวลาลงทุนด้วยตัวเอง ก็ต้องให้มืออาชีพบริหารจัดการ ให้ ส่วนช่วงไหนจะลงทุนอะไรนั้น ก็จะมี บลจ.มานำเสนอโปรดักต์การลงทุนเป็นช่วงๆ”

อัญรัตน์ พรประกฤต ความมั่งคั่งส่วนตัว องค์กร พนักงาน

ส่วนรายละเอียดหรือไส้ในของพอร์ตว่าลงทุนในกองทุนอะไรบ้าง อัญรัตน์ บอกว่า ก่อนอื่นที่ต้องมีแน่นอนสำหรับการลงทุนเพื่อวางแผนทางภาษี นั่นคือ กองทุนรวมเพื่อลดหย่อนภาษีทั้งสองประเภท คือ กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) นอกจากนี้ มีกองทุนหุ้น กองทุนตราสารหนี้แบบมีกำหนดระยะเวลา หรือเทอมฟันด์ เป็นต้น

เงินก้อนที่สอง สัดส่วน 20% เป็นการลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกประเภทคอมมอดิตี้ อัญรัตน์บอกว่า เธอมาสายเพชรก็ต้องลงทุนในเครื่องประดับเพชร จึงจัดไป 15% ของเงินออม ส่วนอีก 5% ลงทุนในทองคำ 5%

“เพชรต่างจากทอง น้ำมันและหุ้น ที่ราคาจะผันผวน ส่วนเพชรเส้นกราฟจะไม่ผันผวน ราคาจะค่อยๆ ไต่ขึ้น เพราะการผลิตไม่ได้มีออกมามาก แต่ความต้องการเกิดขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ราคาขยับขึ้นต่อเนื่องเช่นกัน”

จบเรื่องการวางแผนการเงินส่วนตัวของสาวทรงพลัง สดใส และเจิดจรัสดุจเพชรน้ำดี มาดูอีกด้านในฐานะเป็นนักธุรกิจ ผู้บริหารองค์กร เรียกได้ว่าเธอมีบทบาทอย่างมากกับการร่วมผลักดันให้เครื่องประดับเพชรแบรนด์ไทย “ยูบิลลี่” ให้แข็งแกร่งและมีความมั่งคั่ง

อัญรัตน์ พรประกฤต ความมั่งคั่งส่วนตัว องค์กร พนักงาน

ยูบิลลี่ ก้าวสู่ทศวรรษที่ 9 อัญรัตน์เป็นรุ่นที่ 4 หรือเข้ามาช่วยงานคุณพ่อเมื่อ 15 ปีก่อน เธอเล่าว่าการเป็นลูกสาวคนโตเจ้าของธุรกิจไม่มีผลใดๆ เริ่มเข้ามาทำงานในตำแหน่งระดับล่างสุดรับเงินเดือนหมื่นกว่าบาท งานแรกที่ต้องรับผิดชอบคือแปะป้ายสินค้า จากนั้นได้เลื่อนฐานะขึ้นไปเป็นพนักงานคีย์ข้อมูลต้นทุน ตามด้วยตำแหน่งจัดซื้อ

การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ปี 2552 ของยูบิลลี่ มีอัญรัตน์เป็นหัวหอกสำคัญในการผลักดัน ขณะที่เธอบอกว่าคุณพ่อมีวิสัยทัศน์ที่แม่นยำว่าเทรนด์ในการซื้อเครื่องประดับของคนกำลังจะเปลี่ยนสู่อีกยุค นำมาซึ่งการเปิดเคาน์เตอร์ขายเครื่องประดับเพชรในห้างสรรพสินค้า

จากวิสัยทัศน์ของสองพ่อลูก ทำให้วันนี้ยูบิลลี่มีความมั่งคั่ง หากวัดจาก 7 ปีที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ มูลค่าธุรกิจที่สะท้อนจากราคาหุ้นได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 550% จากราคาไอพีโอที่ 2.80 บาท มาที่ 18.20 บาท (ราคาปิด ณ วันที่ 5 พ.ค. 2560) ด้านผลการดำเนินงานปี 2559 มียอดขาย 1,380 ล้านบาท กำไรสุทธิ 157.3 ล้านบาท เพิ่ม 20% จากปีก่อนหน้า

อัญรัตน์ มองว่า การเติบโตของผลการดำเนินงานและความมั่งคั่งของกิจการ เธอไม่ได้สร้างคนเดียว หากแต่เกิดจากความร่วมแรง ร่วมใจของพนักงาน และการบริหารคนเพื่อให้ทำงานได้ตามเป้าหมาย ความสุขในการทำงานของพนักงานถือเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้นผู้บริหารต้องเข้าใจทีมงาน ไม่ยึดถือตัวเองเป็นที่ตั้งมากเกินไป

“ถ้าพนักงานมีทัศนคติด้านบวก มีใจทำงาน ก็จะส่งผลดีต่อองค์กร และสะท้อนมาที่ผลการดำเนินงาน ความมั่งคั่งหรือเวลท์ก็จะเกิด และเวลท์ที่เกิดขึ้นก็ควรเกิดกับพนักงานทุกคน ถือว่าวิน-วิน”ซีอีโอยูบิลลี่ กล่าวทิ้งท้ายได้เฉียบคม