ประกันสังคมเพิ่มลงทุนเสี่ยง

ประกันสังคมปรับพอร์ตลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงขึ้น เน้นลงทุนหุ้น กองทุนอสังหาฯ พร้อมเพิ่มลงทุนต่างประเทศเป็น 10%

นายสุรเดช วลีอิทธิกุล เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) เปิดเผยว่า ในปี 2560 กองทุนประกันสังคมได้ปรับกลยุทธ์การลงทุน โดยเพิ่มสัดส่วนการลงทุนสินทรัพย์ประเภทที่มีความเสี่ยงมากขึ้น เพื่อสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้น โดยจะมีการ กระจายการลงทุนไปในสินทรัพย์เสี่ยง เช่น หุ้นสามัญ กองทุนอสังหาริมทรัพย์ กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อเพิ่มผลตอบแทน แต่ยังคงเน้นการลงทุนในประเทศเป็นหลัก และจะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในต่างประเทศเป็น 10% จากปัจจุบันมีสัดส่วนเพียง 3% โดยกฎหมายกำหนดให้ สปส.นำเงินลงทุนในต่างประเทศได้ถึง 20%

ทั้งนี้ สปส.จะมีการปรับสัดส่วนการลงทุนใหม่ โดยลดสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความมั่นคงเป็น 70% ของเงินลงทุนทั้งหมด จากปัจจุบันมีสัดส่วนถึง 83% ขณะเดียวกันจะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงเป็น 30% จากปัจจุบันมีอยู่ 17% โดยสัดส่วนดังกล่าวยังเป็นไปตามกฎหมายที่กำหนดให้ สปส.นำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์มั่นคงได้ 60% และสินทรัพย์มีความเสี่ยง 40% และยังอยู่ในกรอบของคณะกรรมการลงทุนกำหนดอีกด้วย

นายสุรเดช กล่าวว่า ปัจจุบันกองทุนประกันสังคมมีเงินลงทุน 1.64 ล้านล้านบาท ในปี 2559 มีผลตอบแทนการลงทุน 52,736 ล้านบาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทนตามบัญชีรัฐ 5.02% และอัตราผลตอบแทนมูลค่าตลาด 3.51% เทียบกับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร 1.38 % โดย สปส. ตั้งเป้าหมายในการบริหารการลงทุนให้ได้ผลตอบแทนไม่ต่ำกว่าตลาด (เบนช์มาร์ก)

อย่างไรก็ตาม กองทุนประกันสังคมมีความท้าทายในการบริหารเงินมากขึ้น ทั้งการจะต้องจ่ายเงินบำนาญชราภาพให้แก่ผู้ประกันตนในอนาคตสูงขึ้น ขณะที่อัตราการเกิดของเด็กลดลง ทำให้มีจำนวนผู้ประกันตนเข้ามาในระบบน้อยลง ประกอบกับค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลสูงขึ้น เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มเติบโตช้าลงกว่าอดีต ทำให้การแสวงหาผลตอบแทนเริ่มลดลง ขณะเดียวกัน การลงทุนก็มีความผันผวนมากขึ้น

นอกจากนี้ กองทุนประกันสังคมอยู่ระหว่างการปฏิรูปการบริหารจัดการการลงทุน ด้วยการเสนอให้มีการจัดตั้งกองบริหารการลงทุนเพื่อการลงทุน ให้มีฐานะเป็นนิติบุคคล คล้ายกับกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เพื่อดึงมืออาชีพเข้ามาบริหารการลงทุนให้มีประสิทธิภาพ ประสิทธิผลในการลงทุน