ร้านค้าปลีกไอที เปิดเกมรบออนไลน์

โดย...รัชนีย์ ศรีวัฒนชัย

ร้านค้าปลีกอุปกรณ์ไอที เป็นอีกหนึ่งธุรกิจผจญกับความท้าทายกับพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลง จากการซื้อคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปไว้ใช้งานในบ้านไปสู่การใช้แบบออล อิน วัน หรือการใช้สมาร์ทโฟนเพื่อการดูหนัง ฟังเพลงแต่ประเด็นที่ต้องจับตามองของทุกค่ายและเป็นยุทธศาสตร์สำคัญ คือ การขยายช่องทางจำหน่ายไปสู่โลกออนไลน์

สมยศ เชาวลิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ.ไอ.บี.คอมพิวเตอร์ กรุ๊ปผู้จัดจำหน่ายอุปกรณ์ไอที กล่าวว่า ทิศทางตลาดของกลุ่มธุรกิจไอทีปี 2560 แม้ว่าการเข้าสู่โลกดิจิทัล คนไทยหันไปใช้โทรศัพท์มือถือเชื่อมต่อโลกโซเชียลมีเดีย ไลน์ เฟซบุ๊กแต่ท้ายที่สุดแล้ว ในด้านของการทำงานบริษัทเอกชนก็ยังต้องลงทุนซื้อคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปสำหรับพนักงานที่ทำงานอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นการคีย์ข้อมูล ซึ่งโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต ไม่สามารถทดแทนการทำงานได้

ขณะที่ช่องทางจำหน่ายสินค้าเชื่อว่าทุกค่ายต้องปรับตัว เพื่อรองรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์

สำหรับยุทธศาสตร์ของ เจ.ไอ.บี.นั้น วางเป้าหมายบุกช่องทางออนไลน์ โดยตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้จาก 10% เป็น 30% อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าท้ายที่สุดช่องทางออฟไลน์ก็ยังคงมีอยู่ เพราะการตัดสินใจซื้อส่วนหนึ่งมาจากการได้เห็นหรือกระทั่งสัมผัสสินค้า และช่องทางออฟไลน์ก็เปรียบเสมือนศูนย์บริการหลังการขาย หรือซ่อมคอมพิวเตอร์ให้กับลูกค้า

“การปรับของ เจ.ไอ.บี. ได้ต่อยอดจากร้านค้าปลีกจำหน่ายอุปกรณ์ไอทีสู่การเปิดตัวร้าน ‘mine Cafe’ พลิกโฉมวงการร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ หรือการก้าวสู่ร้านเกมระดับไฮเอนด์ สเปกเครื่อง6.5 หมื่นบาท เนื่องจากกระแสอี-สปอร์ต มาแรงทั่วโลก มีทั้งกลุ่มผู้เล่นระดับอาชีพ และมือสมัครเล่น เกิดการซื้อขายไอเท็ม และนำไปสู่สนามการแข่งขันชิงเงินรางวัล โดยภายในร้านชูจุดขายแตกต่าง ทั้งเทคโนโลยี รูปแบบร้านที่จัดโซนครบครัน ทั้งโซนส่วนตัว โซนแข่งขัน โซนโชว์เทคโนโลยีสุดล้ำ”

จักรกฤช วัชระศักดิ์ศิลป์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดไวซ์ โฮลดิ้งส์กรุ๊ป ผู้ดำเนินธุรกิจค้าปลีกไอทีแอดไวซ์ กล่าวว่า แนวโน้มการแข่งขันธุรกิจค้าปลีกไอที 2560 ผู้ประกอบการต่างเดินหน้าขยายช่องทางจำหน่ายผ่านทางออนไลน์ รองรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ต้องการความสะดวกสบายในการซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์ เพราะมีบริการจัดส่งสินค้าถึงบ้าน ส่วนอุปกรณ์ไอที โน้ตบุ๊กยังคงเป็นกลุ่มสินค้าที่มีความต้องการสูง และอุปกรณ์ที่ต้องจับตามอง คือ เกม และไอโอที

ทั้งนี้ วิสัยทัศน์ของบริษัทได้วางไว้3 แนวทาง อันดับแรก คือ เดินหน้าขยายช่องทางออนไลน์ จำหน่ายสินค้าผ่านทางเว็บไซต์ จากสัดส่วน 4% เพิ่มเป็น 10% ตามมาด้วย 2.การให้ความสำคัญกับการค้าเชิงพาณิชย์เจาะกลุ่มองค์กรและรัฐบาล เพราะเป็นหน่วยงานที่ต้องลงทุนอุปกรณ์ไอทีสูง เบื้องต้นได้สร้างทีมการค้าเชิงพาณิชย์ขึ้นมารองอรับ และ 3.การรักษาร้านค้าปลีกไอทีแอดไวซ์ด้วยการขยายกลุ่มผู้ซื้อปลีก 30% เพิ่มเป็น 50% และลดสัดส่วนการซื้อผ่านดีลเลอร์จาก 70% เหลือ 50%

“สินค้าของแอดไวซ์ส่วนใหญ่เป็นสินค้ากลุ่มไอทีสัดส่วน 90% และโมบาย 10% โดยยังคงในสัดส่วนนี้ แต่ขณะเดียวกันก็ให้ความสำคัญกับอุปกรณ์ไอโอทีเพิ่มขึ้น อาทิ เกม อุปกรณ์กล้องวงจรปิดซีซีทีวี แผนการขยายสาขาจะลงลึกจากระดับจังหวัดถึงระดับอำเภอ เพราะเชื่อว่ายังมีช่องว่างให้ทำตลาด คาดว่าจะเปิดเพิ่มราว 30 สาขา จากปัจจุบันมีจำนวนสาขาทั้งสิ้น 300 สาขา สำหรับรายได้คาดว่าเติบโต 10% จากปีที่ผ่านมารายได้1.2 หมื่นล้านบาท เติบโต 5%”

สำหรับบานาน่า ไอที ก้าวเข้าสู่ปี 2560 แผนธุรกิจก็เพิ่มความเข้มข้นรองรับกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค โดยสุระ คณิตทวีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คอมเซเว่น กล่าวว่า บริษัทเพิ่มโปรดักต์ไลน์ในกลุ่มโมบายโซลูชั่นให้เป็นสัดส่วน 40% และอุปกรณ์ไอโอทีหรืออินเทอร์เน็ต ออฟ ธิงส์ จากสัดส่วนไม่ถึง 10% เพิ่มเป็น 10% อาทิ การนำเข้าอุปกรณ์เทคโนโลยีโลกเสมือนผสานโลกจริง (Augmented Reality : AR) และความเป็นจริงเสมือน (Virtual Reality :
VR)

หนึ่งในยุทธศาสตร์สำคัญของบานาน่าคือการเดินหน้าขยายช่องทางจำหน่ายสินค้าผ่านทางออนไลน์จากสัดส่วนไม่ถึง 10% ให้เป็น 10% หรือสร้างรายได้ราว 1,000 ล้านบาท ส่วนช่องทางออฟไลน์ลงทุน 200-300 ล้านบาท ขยายสาขาเพิ่มจาก 350 สาขา เป็น 400 สาขา เพราะเชื่อมั่นว่าช่องทางดังกล่าวยังมีศักยภาพเติบโตกว่า 10% สำหรับรายได้ปี 2560 วางเป้าหมายโต 10% จากปีที่ผ่านมารายได้ราว 1.9 หมื่นล้านบาท

สมรภูมิการแข่งขันค้าปลีกไอทีปีไก่ต่างเชือดเฉือนการขยายช่องทางออนไลน์ ซึ่งคนในวงการเชื่อว่าคงไม่มีการแข่งขันทำโปรโมชั่นดุเดือดมากกว่าที่เคยเป็น แต่เป็นเรื่องของการบริการจัดส่งอุปกรณ์สินค้าไอทีให้ถึงมือลูกค้าอย่างรวดเร็ว ส่วนอนาคตออฟไลน์จะตายหรือไม่นั้น ยักษ์ใหญ่อย่าง เจ.ไอ.บี.ฟันธง ไม่มีวันตายอย่างแน่นอน