ธปท.เร่งดูแลค่าบาทไม่ให้ผันผวน หวั่นกระทบภาคธุรกิจ

นายบัณฑิต นิจถาวร รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผยว่า ความผันผวนของค่าเงินบาทในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา เป็นผลมาจากการที่ตลาดตอบรับข่าวการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจสหรัฐเป็นสำคัญ ซึ่งเมื่อวันที่ 7 ธ.ค.ที่ผ่านมา สหรัฐฯประกาศตัวเลขรายได้นอกภาคการเกษตรดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ มีผลทำให้ค่าเงินเหรียญสหรัฐปรับตัวแข็งค่าขึ้น ขณะที่เงินสกุลอื่นๆ ในภูมิภาค รวมทั้งเงินบาทอ่อนค่าลง

อย่างไรก็ตาม เมื่อนายเบน เบอร์แนนคี ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)ออกมาให้สัญญาณว่าเฟดจะยังคงใช้อัตราดอกเบี้ยต่ำต่อไปอีกระยะ เพราะเห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังไม่เข้มแข็ง ภาวะค่าเงินเหรียญสหรัฐก็กลับอ่อนค่าลงอีก ส่งผลให้สกุลเงินในภูมิภาค และเงินบาทปรับแข็งค่าขึ้นอีก

“ช่วงนี้ค่าเงินบาทจึงค่อนข้างผันผวนตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวของเงินเหรียญสหรัฐเป็นพิเศษ แต่ไม่ได้มาจากปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจไทย ซึ่งการผันผวนเช่นนี้ธปท.ต้องดูแลไม่ให้ค่าเงินบาทเป็นอุปสรรคต่อการทำงานของภาคธุรกิจ” นายบัณฑิตกล่าว

นายบัณฑิต เปิดเผยว่า จากภาวะการฟื้นตัวของกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมหลัก ประกอบด้วย สหรัฐ ยุโรป และญี่ปุ่น (จี 3) ที่ยังไม่เข้มแข็ง นอกจากจะกระตุ้นให้ค่าเงินเหรียญสหรัฐผันผวนแล้ว ยังส่งให้เงินทุนเคลื่อนย้ายจากกลุ่มประเทศเหล่านี้ ไหลเข้ามาแสวงหาผลตอบแทนจากสินทรัพย์ที่ดีกว่าในภูมิภาคเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ค่าเงินสกุลในภูมิภาคและเงินบาทผันผวนมากขึ้นด้วยเช่นกัน

ขณะเดียวกันการไหลเข้ามาของเงินทุนเหล่านี้ยังมีความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง ที่อาจจะนำไปสู่ความร้อนแรงในบางภาคธุรกิจด้วย ซึ่งธปท.ต้องจับตาดูต่อไป แม้จะยังไม่น่าห่วงมาก เนื่องจากมีธนาคารพาณิชย์ผู้ปล่อยกู้ดูแลไม่ให้สินเชื่อภาคใดภาคหนึ่งมากเกินไปอยู่แล้ว

ทั้งนี้ การเคลื่อนไหวค่าเงินบาท ช่วงเช้าที่เปิดตลาดวันที่ 9 ธ.ค.อยู่ที่ระดับ 33.18 – 33.20 บาท/เหรียญสหรัฐ อ่อนค่าลงจากปิดตลาดวันก่อนเล็กน้อย