posttoday

กรมส่งออกแจง 9 โครงการฉาว แค่ทำงานแนวใหม่

08 ธันวาคม 2552

นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก เปิดเผยว่า การอนุมัติโครงการช่วยเหลือส่งออก 9 โครงการ มูลค่า 310 ล้านบาท ของคณะอนุกรรมการกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ มีความโปร่งใส ซึ่งกระแสข่าวว่ามีการทำตามคำสั่งของคนใกล้ชิดนางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ ไม่เป็นความจริง เพราะการจัดทำโครงการดังกล่าวเป็นเรื่องที่แต่ละหน่วยงานในกรมฯได้เสนอโครงการเข้ามา และเป็นการเสนอโครงการที่ยึดหลักการทำงานใหม่ ที่ต้องจัดทำโครงการเชิงลึกให้เป็นประโยชน์กับภาคธุรกิจให้มากที่สุด

นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก เปิดเผยว่า การอนุมัติโครงการช่วยเหลือส่งออก 9 โครงการ มูลค่า 310 ล้านบาท ของคณะอนุกรรมการกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ มีความโปร่งใส ซึ่งกระแสข่าวว่ามีการทำตามคำสั่งของคนใกล้ชิดนางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ ไม่เป็นความจริง เพราะการจัดทำโครงการดังกล่าวเป็นเรื่องที่แต่ละหน่วยงานในกรมฯได้เสนอโครงการเข้ามา และเป็นการเสนอโครงการที่ยึดหลักการทำงานใหม่ ที่ต้องจัดทำโครงการเชิงลึกให้เป็นประโยชน์กับภาคธุรกิจให้มากที่สุด

ทั้งนี้ การใช้งบประมาณของกรมที่ผ่านมากว่า 70% จะเป็นการจัดงานแฟร์ หรือจัดคณะเดินทางไปต่างประเทศ ที่เหลือ 30% เป็นงบช่วยเหลือในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ฝึกอบรมคนและช่วยส่งออกไปตลาดใหม่ ซึ่งเมื่อตนมารับตำแหน่งอธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก เห็นว่าการใช้งบส่วนใหญ่จัดงานแฟร์ไม่ได้ช่วยผลักดันการส่งออกให้เติบโตสูงขึ้น เพราะในการส่งออกสินค้าไปตลาดโลกในยุคปัจจุบันมีการแข่งขันสูง และงานแฟร์ประเทศใดก็สามารถจัดได้

“งานแฟร์ที่ใช้งบกว่า 70% แต่ทำได้แค่งานแฟร์ ถือว่าไม่ท้าทาย ใครๆก็ทำได้ แต่หากต้องการให้เอกชนเห็นความสำคัญและเชื่อมั่น จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงให้ทันตามกระแสโลก ดังนั้นจึงคุยกับคนในกรมว่าโครงการพวกนี้ลดได้หรือไม่ เอาไปทำอย่างอื่นจะดีกว่าหรือไม่ และยังมีโจทย์มาอีกว่าจะต้องทำอะไรเชิงลึกเพื่อช่วยภาคธุรกิจ ก็เลยหดโครงการที่ไม่เป็นประโยชน์ และมาทำโครงการที่เป็นประโยชน์แทน”นางศรีรัตน์กล่าว

สำหรับกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าการจัดทำโครงการไม่โปร่งใส มีการใส่วงเงินค่าใช้จ่ายแบบผิดปกตินั้น ได้ชี้แจงว่าในเรื่องการจัดทำระบบข้อมูลการค้าระหว่างประเทศ ที่มีค่าใช้จ่ายสูงถึง 75 ล้านบาท ในการซื้อข้อมูลรายชื่อผู้นำเข้า ข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ เป็นค่าใช้จ่ายที่เหมาะสม เพราะข้อมูลที่กรมฯ มีอยู่ล้าสมัยเก็บมาเป็น 20 ปี แต่ใช้ได้จริงแค่ไม่ถึง 20-30% จึงต้องมีการปรับปรุงระบบข้อมูลใหม่ทั้งหมด และหากทำสำเร็จจะเกิดประโยชน์อย่างมาก ไม่ใช่แค่ผู้ส่งออกเท่านั้นที่จะใช้ข้อมูลได้ แต่หน่วยงานอื่นๆ ของไทยสามารถเข้ามาใช้ได้ด้วย

 ขณะที่การระบุค่าใช้จ่ายในบางโครงการว่าเป็นค่าธรรมเนียมสนามบินสูงถึง 1 ล้านบาท หรือค่าโรงแรม 3.15 ล้านบาท แต่ค่าตั๋วเครื่องบิน 1.6 แสนบาทนั้น ทางเจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมการส่งออกชี้แจงว่า เป็นการตั้งค่าใช้จ่ายแบบถัวเฉลี่ย แต่ในส่วนของธรรมเนียมสนามบิน น่าจะเป็นการลงผิด

 “เราทำสิ่งใหม่ๆ ถ้ากล้องส่องมาก เรายินดี แต่ขอให้คิดทางบวกบ้าง ตอนนี้ทั้ง 9 โครงการผ่านการพิจารณาของคณะอนุกรรมการฯแล้ว ต่อไปคณะกรรมการชุดใหญ่ ที่มี รมว.พาณิชย์ เป็นประธานจะพิจารณา ทุกอย่างอยู่ที่กรรมการชุดใหญ่จะตัดสินใจ แต่ตอนนี้ไม่คิดจะถอนอะไรออก คิดว่าโครงการทุกโครงการได้ทำมาอย่างดีแล้ว”นางศรีรัตน์กล่าว

รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า สำหรับโครงการที่มีการระบุค่าใช้จ่ายเป็นค่าธรรมเนียมสนามบิน มี 2 โครงการ คือ โครงการพัฒนาระบบตลาดพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 1 ล้านบาท และโครงการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการรายใหม่ 1.27 ล้านบาท นอกจากนี้ เดิมทีนางพรทิวาได้นัดประชุมคณะคณะกรรมการกองทุนส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ วันที่ 8 ธ.ค. แต่ได้ยกเลิกการประชุม โดยยังไม่มีกำหนดว่าจะนัดประชุมอีกเมื่อไร