posttoday

อเบอร์ดีนซุ่มตั้งLTF

30 สิงหาคม 2559

บลจ.อเบอร์ดีน เตรียมเปิดตัวกองทุน LTF กองใหม่ไตรมาส 4 ปีนี้ ลงทุนหุ้น 70% เพิ่มทางเลือกให้นักลงทุนไม่ชอบความเสี่ยงสูง

บลจ.อเบอร์ดีน เตรียมเปิดตัวกองทุน LTF กองใหม่ไตรมาส 4 ปีนี้ ลงทุนหุ้น 70% เพิ่มทางเลือกให้นักลงทุนไม่ชอบความเสี่ยงสูง

นายกรวุฒิ ลีนะบรรจง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อเบอร์ดีน เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนจะออกกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) มีนโยบายลงทุนในหุ้นไทย 70% และที่เหลือลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศ 30% เพื่อเพิ่มทางเลือกให้นักลงทุนที่ไม่อยากรับความเสี่ยงจากการลงทุนในหุ้นเต็ม 100% ซึ่งคาดว่าจะเปิดเสนอขายได้ในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ หลังจากทางการเปิดให้ออกกองทุนใหม่ได้

“ปัจจุบันอเบอร์ดีนมีกองทุน LTF อยู่กองเดียว คือ กองทุนเปิดอเบอร์ดีน หุ้นระยะยาว (ABLTF) ซึ่งเน้นลงทุนในหุ้น 100% ในขณะที่นักลงทุนบางส่วนอาจไม่อยากลงทุนในหุ้นมากและบางส่วนรับความผันผวนสูงไม่ได้ จึงอยากรอจังหวะตลาดหุ้นก่อนเพิ่มสัดส่วนลงทุนเต็มที่ กองที่จะออกมาใหม่จึงตอบโจทย์ให้นักลงทุนได้” นายกรวุฒิ กล่าว

นอกจากนี้ กองทุน LTF กองใหม่ที่จะเปิดขายนั้นนักลงทุนจะต้องถือลงทุนตามเงื่อนไขใหม่ 7 ปีปฏิทิน ซึ่งมีระยะยาวขึ้นกว่าเดิม ซึ่งอาจทำให้เกิดความไม่แน่นอนจากความผันผวนของตลาดเพิ่มขึ้น ดังนั้นนโยบายของกองทุนที่จะลงทุนในหุ้นในเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่เกิน 65% ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิและไม่เกิน 70% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน น่าจะทำให้ความผันผวนของกองทุนต่ำกว่ากองทุนที่มีนโยบายลงทุนในหุ้น 100%

สำหรับนโยบายการลงทุนของกองทุนจะเน้นหุ้นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาด หลักทรัพย์ที่มีปัจจัยพื้นฐานดีและมีการเติบโตต่อเนื่องเช่นเดียวกับกองทุน ABLTF โดยกองทุนไม่มีนโยบายจ่ายเงินปันผล ลงทุนขั้นต่ำ 1 หมื่นบาท

นายกรวุฒิ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นมามากในปีนี้ส่วนหนึ่งมาจากเงินทุนไหลเข้าตลาดเกิดใหม่ ขณะเดียวกันเศรษฐกิจไทยมีทิศทางที่ดีขึ้น โดยยังมองแนวโน้มตลาดหุ้นไทยมีทิศทางที่ดี แม้การประชุมของธนาคารกลางทั่วโลกล่าสุดธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะส่งสัญญาณพร้อมที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งมองว่าตลาดรับรู้ข่าวอยู่แล้ว จึงไม่น่าจะส่งผลให้เงินลงทุนต่างชาติเคลื่อนย้ายกลับไปสหรัฐรวดเร็ว เนื่องจากการขึ้นดอกเบี้ยน่าจะค่อยเป็นค่อยไปและครั้งแรกน่าจะขึ้น 0.25%

ด้าน นายมณฑล จุนชยะ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.วรรณ กล่าวว่า เชื่อว่าตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ รวมถึงไทยยังได้รับปัจจัยบวกจากเงินทุนต่างชาติไหล เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานที่ดีกว่า โดยมองว่าเฟดน่าจะขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค.นี้ ขณะที่เดือน พ.ย. สหรัฐจะเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่จึงต้องติดตามว่าแผนกระตุ้นเศรษฐกิจยังเดินหน้าต่อเนื่องหรือไม่

“สัปดาห์นี้หุ้นทั่วโลกคงผันผวนในกรอบแคบๆ แต่ตลาดยังคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มของธนาคารกลางยุโรปและญี่ปุ่นที่อาจออกมาเร็วขึ้นหลังเฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยเร็วและราคาน้ำมันดิบที่ทรงตัวมากขึ้นจะหนุนให้ตลาดไม่ปรับตัวลงมาก” นายมณฑล กล่าว