posttoday

เปิดหนี้สาธารณะ43.35%ของจีดีพี

26 กรกฎาคม 2559

สบน.เผยยอดหนี้สาธารณะเดือน พ.ค.ลดลงกว่า 7.2 หมื่นล้านบาท ส่งผลยอดหนี้คงค้างอยู่ที่ 43.35% ของ จีดีพี

สบน.เผยยอดหนี้สาธารณะเดือน พ.ค.ลดลงกว่า 7.2 หมื่นล้านบาท ส่งผลยอดหนี้คงค้างอยู่ที่ 43.35% ของ จีดีพี

นายธีรัชย์ อัตนวานิช รองผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า สบน.รายงานสถานะหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือน พ.ค. 2559 มีจำนวน 5.97 ล้านล้านบาท คิดเป็น 43.35% ของจีดีพี ลดลงสุทธิ 7.22 หมื่นล้านบาท เมื่อเทียบกับเดือนก่อน แบ่งเป็นหนี้ของรัฐบาล 4.41 ล้านล้านบาท ลดลง 5.91 หมื่นล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 1.02 ล้านล้านบาท ลดลง 9,893.61 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) 5.21 แสนล้านบาท ลดลง 2,788.53 ล้านบาท และหนี้หน่วยงานของรัฐ 1.19 หมื่นล้านบาท ลดลง 337.22 ล้านบาท

ทั้งนี้ ในส่วนของหนี้ของรัฐบาล 4.41 ล้านล้านบาท ลดลงสุทธิ 5.91 หมื่นล้านบาท เนื่องจากการลดลงของตั๋วเงินคลัง จำนวน 6 หมื่นล้านบาท และมีการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ จำนวน 7,301.95 ล้านบาท

การกู้เงินเพื่อการลงทุนจากแหล่งเงินกู้ในประเทศและต่างประเทศ 1,696.15 ล้านบาท แบ่งเป็น การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย 1,205.16 ล้านบาท สำหรับดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว สายสีน้ำเงิน และสายสีม่วง และการรถไฟแห่งประเทศไทย จำนวน 490.99 ล้านบาท สำหรับดำเนินโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดง โครงการปรับปรุงทางรถไฟที่ไม่ปลอดภัย 8 สายทาง และโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงฉะเชิงเทราคลองสิบเก้า-แก่งคอย รวมทั้งมีการชาระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย

นายธีรัชย์ กล่าวว่า หนี้ที่รัฐบาลกู้โดยตรง จำนวน 1.04 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น การชาระหนี้เงินต้นที่ออกภายใต้ พ.ร.บ.การบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 และที่แก้ไขเพิ่มเติม จำนวน 3,366.52 ล้านบาท และการชาระหนี้เงินต้นที่ออกภายใต้ พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ. 2552 จำนวน 4,400 ล้านบาท
  
ขณะที่หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงินกว่า 1.02 ล้านล้านบาท ลดลงกว่า 9,893 ล้านบาท เนื่องจากบริษัท ปตท.ไถ่ถอนหุ้นกู้ที่ครบกำหนด จำนวน 5,970 ล้านบาท บริษัท การบินไทยไถ่ถอนหุ้นกู้ที่ครบกำหนด จำนวน 2,000 ล้านบาท เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ยังมีหนี้ของรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) จำนวน 5.21 แสนล้านบาท ลดลงสุทธิ 2,788 ล้านบาท เกิดจากการชาระหนี้ เงินต้นของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร จำนวน 2,793 ล้านบาท ส่วนหนี้หน่วยงานของรัฐ จำนวน 1.19 หมื่นล้านบาท ลดลงสุทธิ 337.22 ล้านบาท เกิดจากการชำระคืนต้นเงินกู้ของสำนักงานธนานุเคราะห์ จำนวน 328 ล้านบาท

นอกจากนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่าสัดส่วนหนี้สาธารณะที่เป็นเงินสกุลต่างประเทศเริ่มลดลงเป็นลำดับ ซึ่งเป็นไปตามการบริหารความเสี่ยงของกระทรวงการคลัง