posttoday

แบงก์โหมแคมเปญ ดึงลูกค้าถือบัตรเดบิตชิปการ์ด

16 พฤษภาคม 2559

น่าสนใจว่าแคมเปญต่างๆ ของแต่ละธนาคารจะสามารถดึงดูดให้ลูกค้าหันมาเปลี่ยนเป็นบัตรชิปการ์ดได้มากน้อยเพียงใด

โดย...ศุภลักษณ์ เอกกิตติวงศ์

เริ่มตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค. เป็นต้นไป ธนาคารพาณิชย์ในไทยทุกแห่งจะต้องดำเนินการเปลี่ยนบัตรเอทีเอ็มและบัตรเดบิตจากระบบแถบแม่เหล็กที่มีลูกค้าถืออยู่กว่า 60 ล้านใบ มาเป็นระบบชิปการ์ด โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยังให้ลูกค้าสามารถถือบัตรแบบแถบแม่เหล็กไปได้ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2562 ระหว่างนี้ธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งจึงออกแคมเปญเพื่อจูงใจให้ลูกค้าทยอยเปลี่ยนเป็นบัตรชิปการ์ดให้มากที่สุด

พรรณพร คงยิ่งยง รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุดลูกค้าบุคคล ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันธนาคารมีฐานบัตรเอทีเอ็มและบัตรเดบิตรวม 10 ล้านใบ เบื้องต้นตั้งเป้าออกบัตรเดบิตชิปการ์ดให้ลูกค้าใหม่เดือนละ 2 แสนใบ ไม่รวมกรณีลูกค้าเก่ามาเปลี่ยนบัตรเอทีเอ็ม โดยเสนอบัตรเดบิต เอส สมาร์ท ที่ให้ความคุ้มครองกระเป๋าเงินและบัตรหายจากกรณีถูกชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์สูงสุด 5,000 บาท คิดค่าธรรมเนียมรายปีพิเศษ 250 บาท ถึงวันที่ 31 ก.ค.นี้ จากปกติ 300 บาท และยังมีบัตรเดบิตอีก 3 รูปแบบ ซึ่งมีประกันภัยอุบัติเหตุ ประกอบด้วย บัตรเดบิต เอส สมาร์ท พลัส เมื่อเกิดอุบัติเหตุ ไม่ต้องสำรองจ่าย ค่าธรรมเนียมรายปี 599 บาท บัตรเดบิต เอส สมาร์ท เอ็กซ์ตร้าพลัส คุ้มครองทั้งเจ็บและป่วย มีเงินชดเชยรายได้ ค่าธรรมเนียมรายปี 999 บาท และบัตรเดบิต เอส สมาร์ท ซูเปอร์ พลัส ที่ให้ความคุ้มครองเพิ่มขึ้น ค่าธรรมเนียมรายปี 1,599 บาท

ด้าน ทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารจัดการทางการเงินเพื่อธุรกิจ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ธนาคารมีบัตรเดบิตแบบชิปการ์ดให้ลูกค้าเลือก 4 ประเภท คือ บัตรเคทีบี ช็อป สมาร์ท คลาสสิก ใช้กดเงินสดและซื้อสินค้า ค่าธรรมเนียมรายปี 200 บาท บัตรเคทีบี ช็อปสมาร์ทเพิร์ล ให้ความคุ้มครองอุบัติเหตุและค่ารักษาพยาบาล คุ้มครองการถูกโจรกรรมเงินที่ถอนผ่านเครื่องเอทีเอ็มสูงสุดครั้งละ 5,000 บาท ค่าธรรมเนียมรายปี 599 บาท บัตรเคทีบีช็อปสมาร์ท บลูไดมอนด์ เอ็กซ์ตร้า เพิ่มความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาล มีชดเชยรายได้ พร้อมประกันอุบัติเหตุสูงสุด 5 แสนบาท ค่าธรรมเนียมรายปี 999 บาท และบัตรเคทีบีช็อปสมาร์ท พาราเดียม ให้ค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุสูงสุดครั้งละ 2 หมื่นบาท พร้อมประกันอุบัติเหตุกรณีต่างประเทศสูงสุด 1 ล้านบาท ค่าธรรมเนียม 1,599 บาท ปัจจุบันธนาคารกรุงไทยมีบัตรแบบชิปการ์ดอยู่ 1.5 ล้านใบ ขณะที่ลูกค้าที่ถือบัตรแบบแถบแม่เหล็กมีกว่า 12 ล้านใบ

ทั้งนี้ธนาคารกสิกรไทย ตั้งเป้าเปลี่ยนบัตรเป็นแบบชิปการ์ดให้ลูกค้าปีนี้ประมาณ 2 ล้านบัตร จากผู้ถือบัตรเอทีเอ็มและบัตรเดบิตกว่า 10 ล้านบัตร โดยเปิดแคมเปญบัตรเดบิตแบบชิปการ์ดที่มี 3 รูปแบบ คือ บัตรเดบิต K-Debit Card ที่ใช้ซื้อสินค้าในร้านค้าและช็อปออนไลน์ได้ทั่วโลก บัตรเดบิต K-My Play ที่ให้สิทธิประโยชน์แก่ผู้ถือบัตรในการดูหนังและซีรี่ส์ไทยและต่างประเทศผ่าน 3 แอพพลิเคชั่นดัง รวมมูลค่ากว่า 400 บาท ได้ฟรี 1 เดือน และรับส่วนลด 15-30% ในเดือนถัดไป และบัตรเดบิต K-Max Plus ให้ความคุ้มครองอุบัติเหตุ ด้วยค่ารักษาสูงสุด 5,000 บาท/อุบัติเหตุ 1 ครั้ง โดยไม่จำกัดจำนวนครั้ง เงินชดเชยสูงสุดวันละ 300 บาท วงเงินคุ้มครอง 2 แสนบาท และยังเพิ่มสิทธิประโยชน์อื่นๆ เช่น บัตรดูหนัง ช็อปออนไลน์ได้ส่วนลด เป็นต้น

ส่วนธนาคารกรุงเทพ ที่ล้ำหน้าออกบัตรชิปการ์ด พร้อมทั้งปรับปรุงเครื่องเอทีเอ็มให้รองรับบัตรชิปการ์ดล่วงหน้ามาหลายปีแล้ว ทำให้ปัจจุบันธนาคารมีบัตรเดบิตแบบชิปการ์ด 6 ล้านใบ จากทั้งหมด 16 ล้านใบ มีตู้เอทีเอ็มที่รองรับบัตรชิปการ์ด 9,500 ตู้ โดยธนาคารตั้งเป้าจะเพิ่มจำนวนบัตรเดบิตชิปการ์ดใหม่ให้ได้ปีละ 2-2.3 ล้านใบ โดยมีสิทธิพิเศษมากมายสำหรับผู้ถือบัตร เช่น ส่วนลดร้านอาหาร การท่องเที่ยว หรือการจองที่พัก เป็นต้น

น่าสนใจว่าแคมเปญต่างๆ ของแต่ละธนาคารจะสามารถดึงดูดให้ลูกค้าหันมาเปลี่ยนเป็นบัตรชิปการ์ดได้มากน้อยเพียงใดและรวดเร็วมากน้อยแค่ไหน เพราะใน 2 ปีเศษๆ หรือสิ้นปี 2562 ผู้ถือบัตรเอทีเอ็มและบัตรเดบิตในไทยทั้งหมด 60 ล้านบัตร ต้องเปลี่ยนเป็นระบบชิปการ์ดทั้งหมด