posttoday

"ไทยพาณิชย์" ชวนเก็งกำไรค่าเงิน

18 พฤศจิกายน 2558

บลจ.ไทยพาณิชย์ เล็งบาทอ่อนต่อเนื่อง คลอดกองเก็งกำไรค่าเงิน ลงทุนตราสารหนี้ระยะสั้นต่างประเทศ

บลจ.ไทยพาณิชย์ เล็งบาทอ่อนต่อเนื่อง คลอดกองเก็งกำไรค่าเงิน ลงทุนตราสารหนี้ระยะสั้นต่างประเทศ

นายสมิทธ์ พนมยงค์ ประธาน เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทในระยะสั้นถึงระยะกลางยังอยู่ในแนวโน้มอ่อนค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินเหรียญสหรัฐ ทำให้มีโอกาสที่จะทำกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนได้

“นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าปี 2559 เงินบาทมีโอกาสที่จะอ่อนค่าลงอีก โดยอยู่ระหว่าง 37-40 บาท/เหรียญสหรัฐ ปัจจัยสำคัญ คือ การปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยกี่ครั้งและรวดเร็วแค่ไหน นอกจากนี้ยังอาจทำให้เงินทุนไหลออกจากภูมิภาคเพิ่มขึ้น นักวิเคราะห์จึงมองว่าเงินบาทคงจะยังอ่อนค่าอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 1-2 ปี” นายสมิทธ์ กล่าว

บลจ.ไทยพาณิชย์ จึงจัดตั้งกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ระยะสั้นต่างประเทศ (SCBFST) มูลค่า 5,000 ล้านบาท มีนโยบายเน้นลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นต่างประเทศ โดยในเบื้องต้นจะลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นของประเทศสหรัฐ ในสกุลเงินเหรียญสหรัฐ

นอกจากนี้ กองทุนยังสามารถสร้างผลตอบแทนจากการบริหารค่าเงินจากอัตราแลกเปลี่ยนแบบเชิงรุก โดยผู้จัดการกองทุนจะปรับสัดส่วนการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนตามแนวโน้มค่าเงินบาท เพื่อเป็นทางเลือกให้กับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนจากอัตราแลกเปลี่ยนในช่วงจังหวะที่เงินบาทอ่อนค่า

“ปกติแล้วค่าเงินบาทเทียบกับเงินเหรียญสหรัฐจะมีความผันผวนประมาณ 10% ในแต่ละปี ตัวอย่างอัตราแลกเปลี่ยนในปีนี้ที่ต้นปีอยู่ที่ 33 บาท/เหรียญสหรัฐ แต่ตอนนี้อยู่ที่ 36 บาท/เหรียญสหรัฐ เพราะฉะนั้นถ้าผู้จัดการกองทุนสามารถจับจังหวะการลงทุนได้ถูกต้องก็มีโอกาสได้ผลตอบแทนประมาณ 10% ต่อปีเช่นกัน” นายสมิทธ์ กล่าว

นายสมิทธ์ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมานักลงทุนไทยมีการเก็งกำไรค่าเงินจากการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่นอยู่แล้ว เช่น ทองคำ แต่ราคาทองคำมีความผันผวนทำให้มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น หรือซื้อธนบัตรสหรัฐเก็บไว้ แล้วนำออกมาขายเมื่อค่าเงินอยู่ในระดับที่พอใจ แต่จะมีต้นทุนสูง เพราะมีส่วนต่างราคาซื้อกับราคาขายค่อนข้างมาก และต้องเก็บรักษาเงินสดไว้อย่างดี

ขณะที่นักลงทุนบางรายอาจจะเปิดบัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศ แต่มีค่าธรรมเนียมสูงและดอกเบี้ยต่ำ เช่นเดียวกับการเปิดบัญชีในต่างประเทศ ซึ่งมีดอกเบี้ยต่ำมาก มีขั้นตอนที่ยุ่งยาก และมีความเสี่ยงในการนำเงินออก

“กองทุน SCBFST จึงเป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพและราคาถูกกว่าทางเลือกอื่นๆ เมื่อนักลงทุนต้องการลงทุนในเงินสกุลเหรียญสหรัฐ และน่าจะเป็นกองทุนแรกของอุตสาหกรรม ซึ่งแม้ว่าจะมองว่ากองทุนประเภทนี้เป็นกองทุนแบบธรรมดาๆ แต่ยังไม่มีใครมี และเป็นทางเลือกสำหรับเวลาที่นักลงทุนไม่กล้าลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงและหันกลับไปถือเงินเหรียญสหรัฐ” นายสมิทธ์ กล่าว

ทั้งนี้ กองทุน SCBFST จะเปิดขายครั้งแรกระหว่างวันที่ 17-23 พ.ย. 2558 นี้ ลงทุนขั้นต่ำ 5,000 บาท