posttoday

แบงก์รับมือปี 2559 ลดคุ้มครองเงินฝาก 1 ล้าน

08 สิงหาคม 2558

สถาบันคุ้มครองเงินฝาก กำลังจะเข้าสู่จังหวะก้าวระยะที่ 2 โดยลดวงเงินคุ้มครองเงินฝากจากปัจจุบัน

สถาบันคุ้มครองเงินฝาก กำลังจะเข้าสู่จังหวะก้าวระยะที่ 2 โดยลดวงเงินคุ้มครองเงินฝากจากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 50 ล้านบาท/ราย/สถาบันการเงิน ลงสู่ระดับ 25 ล้านบาท/ราย/สถาบันการเงิน ในวันที่ 11 ส.ค. 2558 และจะลดวงเงินอีกครั้งในวันเดียวกันของปี 2559 เหลือเพียง 1 ล้านบาท/ราย/สถาบันการเงิน

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยจึงได้ทำการรวบรวมประเด็นที่น่าสนใจและส่วนที่สำคัญต้องติดตามเพื่อตอบคำถามต่อผู้ฝากเงิน โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า การลดความคุ้มครองเงินฝากเหลือ 25 ล้านบาท น่าจะผ่านไปได้อย่างราบรื่น แม้จังหวะการลดความคุ้มครองเงินฝากครั้งนี้เศรษฐกิจไทยจะยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ก็ตาม

สาเหตุมาจาก 1) ถึงจะลดวงเงินคุ้มครองเหลือ 25 ล้านบาท/บัญชี/รายผู้ฝากแล้วก็ตาม แต่สัดส่วนวงเงินฝากที่ได้รับการคุ้มครองต่อรายได้ของประชากรยังอยู่ในระดับสูงกว่าประเทศอื่นๆ ที่ใช้ระบบคุ้มครองเงินฝากอย่างเป็นทางการเช่นเดียวกับไทยแล้ว ทั้งวงเงินฝากที่ได้รับการคุ้มครองต่อรายได้ของประชากรที่อยู่ในระดับสูงกว่า 127.4 เท่าของรายได้/หัวประชากร สูงกว่าประเทศในภูมิภาคเดียวกัน หรือประเทศพัฒนาแล้วอื่นๆ ที่เพิ่งพ้นวิกฤตเศรษฐกิจอย่างสหรัฐ และสัดส่วนบัญชีที่ได้รับความคุ้มครองต่อบัญชีเงินฝากทั้งหมด

นอกจากนี้ สัดส่วนบัญชีที่ได้รับความคุ้มครองต่อบัญชีเงินฝากทั้งหมดในระบบ ในส่วนของไทยจากข้อมูล ณ สิ้นเดือน พ.ค. 2558 จำนวนบัญชีเงินฝากราว 99.95% ของบัญชีเงินฝากทั้งระบบ จะได้ความคุ้มครองจนครบวงเงิน เนื่องจากมีเงินฝากต่ำกว่า 25 ล้านบาท ซึ่งถือว่าครอบคลุมผู้ฝากเงินส่วนใหญ่ของประเทศ (หรือคิดเป็นปริมาณเงินฝาก 57.6% ของปริมาณเงินฝากรวม ที่ได้รับความคุ้มครอง) ส่วนบัญชีที่เหลืออีกราว 0.05% ของบัญชีเงินฝากทั้งประเทศ ได้รับความคุ้มครองเท่ากับ 25 ล้านบาท หรือคิดเป็นปริมาณเงินฝาก 42.4% ของปริมาณเงินฝากรวม) เทียบแล้วสูงกว่าประเทศอื่นๆ ค่อนข้างมาก

ในส่วนการเคลื่อนย้ายเงินฝากที่น่าจะเห็นในระยะต่อจากนี้ไป เชื่อว่าคงอยู่ในระดับที่ธนาคารพาณิชย์สามารถบริหารจัดการได้ ตามการออกแคมเปญเพื่อรักษาฐานลูกค้าคล้ายกับที่เคยปรากฏขึ้นในช่วงปี 2554 ที่มีการลดความคุ้มครองเงินฝากจากเต็มจำนวนเหลือ 50 ล้านบาท อีกทั้งยังมีแรงหนุนจากการเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ในขณะที่ระบบการเงินไทยเผชิญความผันผวนจากเงินทุนเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศ

อย่างไรก็ตาม จุดจับตาที่สำคัญ คือ การปรับตัวของธนาคารเพื่อรับมือกับปี 2559 ที่จะมีการลดวงเงินคุ้มครองเงินฝากเหลือเพียง 1 ล้านบาท ขณะที่ในต้นปีเดียวกันนั้น ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะบังคับใช้หลักเกณฑ์การดำรงสินทรัพย์สภาพคล่องเพื่อรองรับภาวะวิกฤต หรือ Liquidity Coverage Ratio (LCR) ตามเกณฑ์ Basel III อันมีหลักการสำคัญ คือ ธนาคารพาณิชย์ต้องมีสินทรัพย์สภาพคล่องสูง ไม่ติดภาระผูกพัน เปลี่ยนเป็นเงินสดได้เร็ว ในปริมาณที่เพียงพอรองรับประมาณการกระแสเงินสดที่อาจไหลออกสุทธิ 30 วัน ภายใต้สถานการณ์วิกฤต โดยเริ่มต้นที่สัดส่วน 60% ก่อนขยับขึ้นปีละ 10% เพื่อครบ 100% ตาม Basel III ในปี 2563

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยเชื่อว่า ด้วยสินทรัพย์สภาพคล่องโดยรวมต่อเงินฝาก น่าจะทำให้ธนาคารพาณิชย์ไทยแต่ละแห่งผ่านเกณฑ์ LCR ที่ระดับ 60% ในปี 2559 โดยไม่มีประเด็นน่ากังวล และด้วยกลยุทธ์การรักษาฐานลูกค้าและการบริหารต้นทุนดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ผนวกกับสถานะธนาคารพาณิชย์ไทยที่เข้มแข็ง และสภาพคล่องที่ยังอยู่ในระดับสูง คงเพียงพอต่อการเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ฝากเงินไทย และสนับสนุนให้การเปลี่ยนผ่านวงเงินคุ้มครองเงินฝากเป็นไปได้อย่างราบรื่น