posttoday

ธปท.จับตาใกล้ชิดหลังยุโรปทำคิวอีมากกว่าคาด

23 มกราคม 2558

ธปท.ยอมรับธนาคารกลางยุโรปทำคิวอีมากกว่าคาด พร้อมจับตาผลกระทบเงินทุนเคลื่อนย้าย-ค่าเงินบาทใกล้ชิด ชี้เงินบาทยังปกติ

ธปท.ยอมรับธนาคารกลางยุโรปทำคิวอีมากกว่าคาด พร้อมจับตาผลกระทบเงินทุนเคลื่อนย้าย-ค่าเงินบาทใกล้ชิด ชี้เงินบาทยังปกติ
 
นายจิรเทพ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา โฆษก ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า มติของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่ประกาศทำมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทางการเงินแบบผ่อนปรนเชิงปริมาณ (คิวอี) ด้วยการเข้าซื้อสินทรัพย์จำนวน 6 หมื่นล้านยูโรต่อเดือน ซึ่งทำให้ปริมาณเงินที่เข้าซื้อทั้งหมดจะอยู่ที่ประมาณ 1.14 ล้านล้านยูโรนั้น ถือว่าเป็นจำนวนเงินที่มากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้

“การประกาศมาตรการคิวอีในครั้งนี้ เป็นสิ่งที่ธนาคารกลางต่างๆ ได้มีการติดตามและประเมินผลอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเป็นผลต่อประสิทธิภาพและประสิทธิผลของมาตรการ รวมไปถึงผลกระทบข้างเคียงต่อเงินทุนเคลื่อนย้าย ซึ่ง ธปท.จะเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยนของเงินบาท และการเคลื่อนย้ายเงินทุนไหลเข้าออกในระยะต่อไปอย่างใกล้ชิด แต่เท่าที่ติดตามดูในเบื้องต้นค่าเงินบาทไม่ได้มีอะไรที่ผิดปกติ” นายจิรเทพกล่าว

ทั้งนี้ วันนี้ค่าเงินบาทเปิดตลาดซื้อขายกันที่ระดับ 32.61 –32.62 บาท/เหรียญสหรัฐ อ่อนค่างเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงปิดตลาดเมื่อวานนี้ที่ 32.59 – 32.61  บาท/เหรียญสหรัฐ โดยงินบาทยังเคลื่อนไหวสอดคล้องกับวกุลในภูมิภาค

นายจิรเทพ กล่าวว่า หลังการประกาศมาตรการดังกล่าว ธปท.พบว่าตลาดการเงินในต่างประเทศตอบรับในเชิงบวก โดยตลาดหุ้นในสหรัฐฯ และยุโรปปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากคาดว่ามาตรการดังกล่าวของ ECB จะช่วยลดความเสี่ยงทางเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศในยุโรปได้ โดย ECB จะเริ่มเข้าซื้อตั้งแต่เดือน มี.ค. 2558 ไปจนถึงเดือน ก.ย. 2559 (นับเป็นระยะเวลา 19 เดือน) และอาจขยายระยะเวลาต่อออกไปจนกว่าแนวโน้มของอัตราเงินเฟ้อของยุโรปจะเข้าใกล้เป้าหมายที่ 2% แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ ECB ในการที่จะทำให้บรรลุได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

อย่างไรก็ดี เมื่อเปรียบเทียบกับการทำคิวอีของธนาคารกลางสหรัฐ(Fed)จะพบข้อสังเกตว่า ในช่วงแรกของการทำคิวอีของสหรัฐฯ สามารถเข้าซื้อได้ทั้งพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (US Treasury) และตราสารหนี้ภาคเอกชน (Mortgage-Backed Securities : MBS) โดยช่วงเวลาการทำคิวอี 1 ที่เริ่มตั้งแต่ 16 ธ.ค.2551 จนถึงเดือน มี.ค. 2553 ได้ซื้อหลักทรัพย์ไปทั้งสิ้นจำนวน  1,750 พันล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนการทำคิวอีของ ECB ก่อนหน้านี้ทำได้เพียงการเข้าซื้อตราสารหนี้ภาคเอกชน (Asset-backed security : ABS และ Covered Bond) แต่การตัดสินใจของ ECB ล่าสุดเมื่อวานนี้ ทำให้สามารถเข้าซื้อตราสารภาครัฐที่อยู่ในยูโรโซนได้ด้วย ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ต้องติดตาม เนื่องจาก ECB เองเกิดจากการรวมตัวกันจากหลายประเทศในยุโรป ดังนั้น จึงค่อนข้างมีความซับซ้อนกว่าคิวอีของสหรัฐยู่บ้าง เพราะนอกจากแต่ละประเทศจะเข้าซื้อหลักทรัพย์ของประเทศตัวเองแล้ว ยังสามารถเข้าซื้อในประเทศอื่นภายในกลุ่มยุโรปได้ด้วย