posttoday

ธปท.เล็งติดชิบการ์ดคู่บนบัตรเดบิต-เอทีเอ็ม

28 พฤศจิกายน 2557

ธปท.แย้มเตรียมพัฒนาบัตรเดบิตและบัตรเอทีเอ็มเป็นระบบชิบการ์ดคู่รหัสส่วนตัว เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและรองรับมาตรฐานโลก

ธปท.แย้มเตรียมพัฒนาบัตรเดบิตและบัตรเอทีเอ็มเป็นระบบชิบการ์ดคู่รหัสส่วนตัว เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและรองรับมาตรฐานโลก

นางนิศารัตน์ ไตรรัตน์วรกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนโยบายระบบการชำระเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า  ในระยะต่อไปหลังดำเนินการให้ธนาคารพาณิชย์ปรับการให้บริการบัตรเอทีเอ็มและบัตรเดบิต รวมถึงตู้เอทีเอ็ม รองรับระบบชิบการ์ดตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2559 ตามมติของคณะกรรมการระบบการชำระเงิน(กรช.) ซึ่งเป็นต้นไปตามกำหนดเดิมแล้วเสร็จ จากปัจจุบันที่ยังใช้ระบบแถบแม่เหล็ก จากนั้นในอนาคตธปท.จะพิจารณาเดินหน้าพัฒนาระบบบัตรเดบิตและบัตรเอทีเอ็มเป็นระบบชิฟการ์ดคู่รหัสส่วนตัว(Chip and Pin) เพื่อให้ประชาชนผู้บริโภคมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น และรองรับมาตรฐานการชำระเงินแบบสากลมากขึ้น

“ในอนาคตเพื่อความปลอดภัยมากขึ้น อาจจะพัฒนาไปสู่ระบบ Chip and Pin เนื่องจากปัจจุบันแม้บัตรเอทีเอ็ม โดยเฉพาะบัตรเดบิตที่แม้จะมีลายเซ็นต์สลักหลัง เพื่อแสดงตัวตนเวลารูดซื้อสินค้าต่างๆ เพื่อความปลอดภัยแล้ว แต่ก็พบว่ามีบุคคลอื่นที่ไม่ใช่เจ้าของบัตรสามารถนำบัตรไปรูดซื้อสินค้าได้ เพราะร้านไม่ค่อยดูลายเซ็นต์รูดผ่านก็ซื้อของได้แล้ว ซึ่งอาจนำไปสู่การขโมยบัตรไปรูดซื้อสินค้าจากกลุ่มมิจฉาชีพได้ ดังนั้น เพื่อความปลอดภัย และรองรับระบบสากลได้มากขึ้น ในอนาคตธปท.คงต้องพัฒนาต่อไปให้ใช้  Chip and Pin ได้ เพราะระบบ Chip and Pin ถ้าใครไม่รู้รหัส ป้อนรหัสไม่ถูกก็รูดซื้อสินค้าไม่ได้ เพราะในอนาคตการใช้บัตรแบบชิปและสลักลายเซ็นหลังบัตรจะไม่จำเป็นอีกต่อไป” นางนิศารัตน์กล่าว

นางนิศารัตน์ กล่าวว่า อย่างไรก็ดี ระบบ Chip and Pinจะนำมาใช้ในระบบการชำระเงินในไทยหรือไม่ หรือจะใช้เมื่อธปท.คงต้องมีการหารือกับทางธนาคารพาณิชย์ก่อน เช่นเดียวกันการปรับมาใช้ระบบชิบธปท.ก็ต้องหารือกับทางธนาคารอ่างต่อเนื่องว่าติดขัดปัญหาอุปสรรคอย่างไร ซึ่งธปท.อยู่ระหว่างหารือร่วมกันกับสมาคมธนาคารไทย เพื่อกำหนดระยะเวลาที่เหมาะสมในการพิจารณาผ่อนปรน และลดความเดือดร้อนของประชาชน แต่ในเบื้องต้นตู้เอทีเอ็มจะยังรองรับบัตรเอทีเอ็มและบัตรเดบิแบบแถมแม่เหล็กควบคู่ไปกับชิปอยู่ เนื่องจากบัตรบัตรที่ออกตั้งแต่ 1 ม.ค. 2559 เป็นต้นไปต้องเป็นระบบชิบทั้งหมด