posttoday

เอเซีย พลัส แนะ "ซื้อ" หุ้นกรุงเทพประกันชีวิต

09 มิถุนายน 2553

ผลการดำเนินงานบริษัทกรุงเทพประกันชีวิตเข้าตานักวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” คาดราคาเป้าหมายวิ่งถึง 33.63 บาท มีโอกาสทกำไรสูงถึง 45% จากปัจจุบันวิ่งอยู่ที่ 24.60 บาท

ผลการดำเนินงานบริษัทกรุงเทพประกันชีวิตเข้าตานักวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” คาดราคาเป้าหมายวิ่งถึง 33.63 บาท มีโอกาสทกำไรสูงถึง 45% จากปัจจุบันวิ่งอยู่ที่ 24.60 บาท

น.ส.อุษณีย์ ลิ่วรัตน์ นักวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส แนะนำนักลงทุนซื้อหุ้นบริษัทกรุงเทพประกันชีวิต(BLA) โดยมองว่าราคาที่เหมาะสมน่าจะขึ้นไปได้ถึง 33.63 บาท   ยังมีโอกาสในการทำกำไร หรือคิดเป็นผลตอบแทนจากกำไรจากการขายหุ้นถึง 45% จากราคาปัจจุบันที่วิ่งอยู่แถว 24.60 บาท และยังเหมาะสมสำหรับการลงทุนในยามที่ภาวะตลาดผันผวนจากปัจจัยของต่างประเทศเป็นหลัก (วิกฤติการเงินในยุโรป) ในฐานะที่เป็นหุ้นที่เน้นทำธุรกิจในประเทศเป็นหลัก และธุรกิจยังอยู่ในทิศทางขาขึ้นโดยคาดว่าในปี 2553-2555 ยังเติบโตในเชิงรุกถึงปีละ 15.2% แม้ราคาหุ้นปัจจุบันจะไม่ได้ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลที่โดดเด่นเช่นหุ้นในกลุ่มประกันอื่นๆ อาทิ หุ้นบริษัทไทยรับประกันภัยต่อ(THRE) ที่มีผลตอบแทนจากเงินปันผลเฉลี่ยถึง 7.7% แต่หุ้นบริษัทกรุงเทพประกันชีวิตยังมีโอกาสในการทำกำไรจากการขายหุ้นอยู่ถึง 45% จากราคาปัจจุบัน

นอกจากนี้ แนวโน้มการเติบโตของธุรกิจยังสูงกว่าจีดีพี ซึ่งการเติบโตของเบี้ยประกันภัยรับรวมของกลุ่มประกันชีวิตในระยะ 4 เดือนแรกปี 2553 ที่ยังสูงถึง 17% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นการเติบโตของเบี้ยประกันภัยรับปีแรกเท่ากับ 13.5%  และเบี้ยประกันภัยรับปีต่อไปเท่ากับ 18.2% โดยที่ช่องทางการจำหน่ายเบี้ยประกันภัยรับปีแรกส่วนใหญ่ยังมาจากช่องทางการขายผ่านธนาคาร (Bancassurance) ที่มีการเติบโตเชิงรุกมากผ่านเครือข่ายสาขาของธนาคารทั่วประเทศซึ่งมีบริษัทประกันในเครือข่าย

รวมถึง การให้บริการจำหน่ายกรมธรรม์ของบริษัทประกันชีวิตอื่นๆ ที่ไม่ได้เป็นพันธมิตรกับธนาคารล้วนเป็นปัจจัยบวกที่ผลักดันให้การเติบโตของเบี้ยประกันภัยรับรวมทั้งระบบเติบโตในเชิงรุกมากในระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมา และยังจะเติบโตได้ต่อเนื่องต่อไป ทั้งจากปัจจัยสนับสนุนเรื่องมาตรการลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 1 แสนบาท/ปี อีกทั้งสัดส่วนของประชากรในประเทศไทยที่ถือกรมธรรม์ประกันชีวิตยังอยู่ในระดับต่ำเพียง 2-3% ของ GDP เทียบกับประเทศพัฒนาแล้วอื่นๆ ในภูมิภาคซึ่งสูงเฉลี่ยถึง 6-7% ของ GDP ซึ่งเป็นสัญญาณบวกต่อธุรกิจประกันชีวิตในประเทศให้สามารถเติบโตในเชิงรุกต่อเนื่องในระดับที่สูงกว่า GDP ในระยะ 2-3 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะ BLA ซึ่งเป็นบริษัทประกันชีวิตในกลุ่มของธนาคารกรุงเทพ (BBL) ทำให้มีความได้เปรียบในการแข่งขันเหนือคู่แข่งอื่นๆ

ฝ่ายวิจัย คาดแนวโน้มผลการดำเนินงานจากธุรกิจหลักของ BLA ในงวดไตรมาส 2 ของปี 2553 จะยังทรงตัวระดับสูงต่อเนื่อง แม้กำไรสุทธิอาจมีแนวโน้มอ่อนตัวลงจากการลดลงของกำไรจากเงินลงทุนดังกล่าวข้างต้น ซึ่งหากพิจารณาทิศทางของเบี้ยประกันภัยรับในปี 2552 จะเห็นว่าเบี้ยประกันภัยรับในไตรมาสที่ 1 และ 2 จะค่อนข้างใกล้เคียงกัน เนื่องจากยังอยู่ในช่วงการทำยอดขายได้ดี(High season) ของธุรกิจ จากการทำตลาดผ่านช่องทางผ่านธนาคารในเชิงรุก ทำให้เบี้ยประกันภัยรับปีแรกที่เติบโตเพิ่มขึ้น สามารถชดเชยกับเงินกันสำรองเบี้ยประกันภัยรับปีที่ 2 ที่เพิ่มขึ้นจากการขายกรมธรรม์เชิงรุกผ่านช่องทางธนาคารในปีก่อนหน้าได้ 

สำหรับ แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2 คาดว่าจะอ่อนตัวลงอีกครั้ง เนื่องจากเข้าสู่ช่วงยอดขายตก(Low season)ซึ่งจะเริ่มเห็นการหดตัวของเบี้ยประกันภัยรับจากไตรมาส 1 ปี 2553 ขณะที่เงินกันสำรองเบี้ยประกันภัยรับยังจะทรงตัวต่อเนื่องในระดับสูง ทำให้ส่งผลกระทบต่อแนวโน้มกำไรสุทธิในไตรมาส 2 ปี 2553 ให้อ่อนตัวลงเช่นกัน ซึ่งไม่ใช่ประเด็นที่น่ากังวลเนื่องจากเป็นผลกระทบจากฤดูกาลเป็นหลัก