posttoday

ฮ่องกงแบงก์หั่นจีดีพีไทยปีนี้เหลือ3%

27 มีนาคม 2557

ฮ่องกงแบงก์ หั่นจีดีพีไทยปีนี้เหลือ 3% หลังความขัดแย้งทางการเมืองยังไร้สัญญาณคลี่คลาย

ฮ่องกงแบงก์ หั่นจีดีพีไทยปีนี้เหลือ 3% หลังความขัดแย้งทางการเมืองยังไร้สัญญาณคลี่คลาย

ธนาคารเอชเอสบีซีได้ออกบทวิเคราะห์ภาวะเศรษฐกิจไทยประจำไตรมาส 2/57 โดยได้ปรับลดคาดการณ์จีดีพีเศรษฐกิจไทยลงอีก ซึ่งเป็นผลจากความไม่แน่นอนทางการเมืองที่ยืดเยื้อ โดยคาดว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะโตที่ระดับ 3% และปีหน้าที่ระดับ 4% เทียบกับคาดการณ์ก่อนหน้าที่ 3.5% และ 4.5% ตามลำดับ ซึ่งก็จะทำให้เศรษฐกิจไทยโตล้าหลังประเทศอื่น ๆในภูมิภาค อันเป็นผลจากเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ในปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้ พบว่าความต้องการบริโภคภายในประเทศซึ่งได้ฟื้นตัวดีขึ้นแล้วก่อนที่ความตึงเครียดทางการเมืองปะทุขึ้นในเดือนพ.ย.ในปีที่ผ่านมามีแนวโน้มที่จะอ่อนแอลง ถึงแม้ว่าตัวเลขอัตราเติบโตของจีดีพีในไตรมาส 4/56 ออกมาดีกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ ที่ 0.6% แต่การบริโภคภาคเอกชนและการลงทุนรวมขยายตัวต่ำกว่าที่คาดไว้ ขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐยังคงเป็นประเด็นปัญหาที่ชะลอการเติบโตเศรษฐกิจ เนื่องจากการใช้จ่ายถูกขัดขวางโดยกลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านรัฐบาลและมีข้อจำกัดจากการมีสถานะเป็นรัฐบาลรักษาการ

นอกจากนี้ ดัชนีการบริโภคของธนาคารแห่งประเทศไทยที่ยังคงออกมาไม่ค่อยดีในเดือนม.ค.และดัชนีการลงทุนภาคเอกชนที่ลดลงเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน ทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยไม่สดใส ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคขณะนี้อยู่ในระดับต่ำที่สุดตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ก่อวินาศกรรมในนครนิวยอร์ค ปี 2544 ขณะที่ความเชื่อมั่นในภาคธุรกิจก็อยู่ในระดับต่ำ 2 ปีติดต่อกันแล้ว

ธนาคารเอชเอสบีซี ระบุว่า ผลลัพธ์ทางการเมืองถือเป็นปัจจัยสำคัญในการฟื้นตัวของภาคธุรกิจ ซึ่งขณะนี้มองว่าการเลือกตั้งของไทยอาจทำได้ยากลำบาก หลังจากที่การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 ก.พ.เป็นโมฆะ ขณะเดียวกันรักษาการนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ขณะนี้ก็กำลังเผชิญกับข้อกล่าวหาการทุจริตในคดีที่เกี่ยวข้องกับโครงการจำนำข้าว

ที่น่ากังวลยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคำถามอีกมากมายที่ยังไร้คำตอบเกี่ยวกับอนาคตของเศรษฐกิจไทยในระยะยาว ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยให้โครงการกู้เงินเพื่อลงทุนด้านสาธารณูปโภคระยะเวลา 7 ปีของรัฐบาล มูลค่า 2 ล้านล้านบาทขัดต่อรัฐธรรมนูญ ซึ่งหมายถึงการสูญเสียโอกาสครั้งสำคัญสำหรับเศรษฐกิจ ภาระหน้าที่ในขณะนี้จึงเป็นของธปท.ที่จะต้องประคับประคองเศรษฐกิจเท่าที่จะทำได้ แต่ด้วยระดับหนี้ภาคครัวเรือนที่สูงเกินกว่า 80%ของจีดีพี

ฮ่องกงแบงก์หั่นจีดีพีไทยปีนี้เหลือ3%