เงินบาทแข็งค่าหลังนักลงทุนคลายวิตกยูเครน

ธปท.ชี้เงินบาทมีเสถียรภาพ แต่ปรับแข็งค่าขึ้นบ้างตามปัจจัยสถานการณ์ยูเครนคลี่คลาย และเงินทุนไหลเข้าไทยเพิ่ม

นางรุ่ง มัลลิกะมาส โฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทค่อนข้างมีเสถียรภาพ ถึงช่วงนี้จะปรับแข็งค่าขึ้นมาบ้าง แต่ก็เป็นผลจากปัจจัยในต่างประเทศเป็นสำคัญ โดยปัจจัยที่มีผลบ้างแต่ไม่ได้มากนัก คือ ความมั่นใจของนักลงทุนที่ปรับดีขึ้นจากสถานการณ์ในประเทศยูเครน ซึ่งก่อนหน้านี้นักลงทุนมีความระมัดระวังเพิ่มขึ้น จึงหันถือเงินเหรียญสหรัฐ ทำให้เงินสกุลในภูมิภาคอ่อนค่าลง แต่เมื่อความตึงเครียดในยูเครนผ่อนคลาย ก็ส่งผลให้ค่าเงินสกุลภูมิภาคและเงินบาทกลับมาแข็งค่าขึ้น โดยปรับแข็งค่าเกาะกลุ่มกันไปทั้งภูมิภาค

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยจากนักลงทุนต่างชาติที่กลับมาเป็นผู้ซื้อสุทธิในตลาดหลักทรัพย์ในช่วง 3-4 วันทำการที่ผ่านมา บวกกับยังมีเงินทุนไหลเข้าสุทธิเล็กน้อยในตลาดพันธบัตร ส่วนสถานการณ์ภายในประเทศ ยังไม่ได้มีปัจจัยที่เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ

“ส่วนในเรื่องตัวเลขเงินทุนไหลเข้าหรือเอฟดีไอ ที่มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยระบุว่าชะลอการไหลเข้าหรือไหลไปลงทุนประเทศอื่นๆแทนที่จะมาที่ประเทศไทยนั้น ธปท.ต้องขอศึกษารายละเอียดอีกครั้ง ยังไม่สามารถให้ความเห็นได้ในขณะนี้” โฆษกธปท.ระบุ

นางรุ่ง ยังกล่าวถึงความเป็นไปได้ที่จีนจะขยายช่วงความเคลื่อนไหวของเงินหยวน ว่า เมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมา ทางการจีนประกาศจะปรับเงินหยวนให้ยืดหยุ่นมากขึ้น เนื่องจากต้องการให้เงินหยวนมีบทบาทเพิ่มขึ้นและใช้กันแพร่หลายมากขึ้น แต่ก็เชื่อว่าทางการจีนจะดำเนินการในลักษณะประคองให้ตลาดค่อยๆ ปรับตัว ดังนั้น การปรับช่วงเคลื่อนไหวของเงินหยวน จึงไม่น่าจะส่งผลสำคัญต่อตลาดเงินในภูมิภาค รวมทั้งเงินบาท โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับเงินเหรียญสหรัฐ หรือ ปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจ

นักค้าเงินธนาคารกรุงเทพ ระบุว่า ค่าเงินบาทวันนี้เปิดตลาดที่ระดับ 32.25 บาทต่อเหรียญสหรัฐ แต่ในช่วงสายๆ เงินบาทปรับอ่อนค่าลงบ้าง แต่แล้วก็ปรับมาแข็งค่าใกล้ๆ กับระดับที่เปิดตลาดอีก โดยขณะนี้เคลื่อนไหวที่ระดับ 32.25-32.30 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ซึ่งปัจจัยที่มีผลกับค่าเงินบาทในช่วงนี้ส่วนหนึ่งมาจากการผ่อนคลายความกังวลของนักลงทุนในสถานการณ์ยูเครน และส่วนหนึ่งยังมีเงินทุนไหลเข้าอยู่