แบงก์ต่างชาติทุนฮวบหลังลดคิวอี

ลดคิวอีสะเทือนธนาคารต่างชาติ ที่ประเทศแม่ดูดเงินกลับ แต่สภาพคล่องรวมยังไม่กระตุก

ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี หรือ TMB Analytics มองการลดปริมาณเงิน QE ทำยอดอินเตอร์แบงก์จากธนาคารต่างชาติหด แต่ประเมินระดับสภาพคล่องของระบบธนาคารพาณิชย์ไทยยังไม่น่าเป็นห่วง หลังมีแบงก์ชาติหนุน

ตั้งแต่ธนาคารกลางสหรัฐฯ เริ่มส่งสัญญาณว่าจะลดระดับการเข้าซื้อสินทรัพย์ หรือที่เป็นที่รู้จักกันว่า “QE Tapering” ในช่วงกลางปีที่แล้ว จนกระทั่งเริ่มลดจริงต้นปีนี้ ผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยที่เห็นได้ชัดที่สุดและมีการกล่าวถึงค่อนข้างมากคือ การปรับตัวลดลงของตลาดหุ้น การปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยระยะยาว และการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่าและผันผวนต่อเนื่อง แต่ผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในอีกช่องทางหนึ่งอาจยังไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควรคือ ช่องทางฐานะสภาพคล่องของระบบธนาคารพาณิชย์ที่ดูเหมือนจะได้รับผลจาก Tapering ด้วย

เมื่อมองย้อนกลับไปในช่วงปีที่ผ่านมา เราพบว่าการให้กู้ระหว่างธนาคาร หรือ Interbank ของสาขาธนาคารพาณิชย์ต่างชาติ มีสัดส่วนลดลงมากเมื่อเทียบกับจำนวนสินทรัพย์รวม แสดงถึงแนวทางการให้กู้ยืมระหว่างธนาคารที่ลดลง ทำให้แหล่งเงินทุนของธนาคารพาณิชย์ไทยก็จะถูกจำกัดลงด้วย อาจส่งผลกระทบไปถึงสถานะสภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์ไทยได้

อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาถึงสภาพคล่องของระบบธนาคารพาณิชย์ไทยโดยใช้เงินสดรวมรายการระหว่างธนาคารและตลาดเงินสุทธิ ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี พบว่า ค่าเฉลี่ยรายเดือนในช่วงสี่ปีที่ผ่านมา ค่อนข้างมีเสถียรภาพในช่วง 1.1-1.4 ล้านล้านบาท จึงอาจจะยังไม่ต้องตระหนกมากในช่วงนี้

นอกจากนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เอง ยังมีบทบาทสำคัญอย่างมากต่อการบริหารปริมาณสภาพคล่องในระบบผ่านการออกตราสารหนี้ของธปท. เพื่อที่จะใช้เป็นเครื่องมือในการปรับสภาพคล่องในระบบให้เข้าสู่สมดุล โดยในระหว่างปี 2553-2555  ธปท.ได้ใช้การเครื่องมือนี้ดูดซับสภาพคล่องส่วนเกินออกไปจากระบบ  ซึ่งส่วนหนึ่ง เป็นสภาพคล่องที่มาจากช่องทางของธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศที่ได้รับผลพวงมาจากปริมาณเงินที่เพิ่มขึ้นตามนโยบาย QE ของธนาคารกลางสหรัฐฯ

แต่เมื่อได้เริ่มมีการลดปริมาณ QE ลง การดูดซับสภาพคล่องส่วนเกินของ ธปท. ดังกล่าวจึงมีความจำเป็นน้อยลง ส่งผลให้ปริมาณการออกตราสารหนี้ของ ธปท. ลดลงต่อเนื่องมาจนถึงช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ เพื่อที่จะรักษาระดับสภาพคล่องในระบบให้เหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจและการเงินในประเทศ  และไม่ให้ได้รับผลกระทบจากการที่ธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศทยอยลดปริมาณเงินให้กู้ระหว่างธนาคารลงไปตามทิศทางของสภาพคล่องในตลาดโลก ซึ่งคาดว่าการดำเนินนโยบายนี้จะช่วยรักษาสภาพคล่องในระบบธนาคารพาณิชย์ไทยอยู่ที่ระดับประมาณ 1 ล้านล้านบาทได้ต่อไป

เมื่อนำแนวโน้มของเศรษฐกิจในปีนี้มาพิจารณาร่วมกับการประเมินสภาพคล่องทั้งงระบบของธนาคารพาณิชย์ไทย ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบีมองว่าถึงแม้การขยายตัวของจีดีพีในปี 2557 จะไม่ได้สวยหรูแต่ก็น่าจะขยายตัวได้ต่อเนื่องที่อัตราร้อยละ 3.3 ซึ่งใกล้เคียงกับระดับร้อยละ 2.9 ในปีที่ผ่านมา ส่งผลทำให้สินเชื่อยังขยายตัวได้ แม้จะต้องเผชิญกับการชะลอการลงทุนของทั้งภาครัฐและเอกชน ประเด็นสภาพคล่องจึงยังเป็นประเด็นที่ยังต้องให้ความสำคัญ เพื่อที่จะรักษาระดับที่เหมาะสมกับการสร้างเสถียรภาพของระบบธนาคารพาณิชย์ไทย และสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจต่อไปได้