posttoday

บลจ.ไทยพาณิชย์ผงาดแชมป์กองทุนบุคคล

17 กุมภาพันธ์ 2557

บลจ.ไทยพาณิชย์ ประกาศกองส่วนบุคคลขึ้นเบอร์ 1 มั่นใจเอยูเอ็มทะลุล้านล้านบาทในปีนี้

บลจ.ไทยพาณิชย์ ประกาศกองส่วนบุคคลขึ้นเบอร์ 1  มั่นใจเอยูเอ็มทะลุล้านล้านบาทในปีนี้

นายพจน์ หะริณสุต รองกรรมการผู้อำนวยการ ฝ่ายธุรกิจลูกค้าบุคคลและสถาบัน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ขณะนี้มูลค่าสินทรัพย์กองทุนส่วนบุคคลของ บลจ.ไทยพาณิชย์ ขึ้นไปถึง 8.6 หมื่นล้านบาทแล้ว จากสิ้นปีที่มีสินทรัพย์ 8.15 หมื่นล้านบาท ทำให้มีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับหนึ่ง มีสินทรัพย์มากกว่าบริษัทจัดการในอันดับสองประมาณ 3,000 ล้านบาท

“ปีนี้เราตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มสินทรัพย์กองทุนส่วนบุคคลให้ถึง 1 แสนล้านบาท โดยคิดเป็นอัตราการเติบโตประมาณ 20% และคาดว่า จะทิ้งห่างจากอันดับ 2 ประมาณ 5,000 ล้านบาท” นายพจน์ กล่าว

พร้อมกันนี้ นายพจน์ กล่าวว่า กลุ่มลูกค้าที่คาดว่าจะมีการจัดตั้งกองทุนส่วนบุคคลมากขึ้นในปีนี้ คือ บริษัทในกลุ่มธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง เนื่องจากในระยะนี้ยังไม่มีโครงการก่อสร้างของภาครัฐ ทำให้มีสภาพคล่องส่วนเกินจำนวนมาก จึงต้องบริหารสภาพคล่องโดยการนำมาจัดตั้งเป็นกองทุนส่วนบุคคล

“ถ้าประเทศไทยยังไม่มีรัฐบาลใหม่เข้ามาบริหารจัดการจนถึงครึ่งหลังของปี ก็จะทำให้โครงการก่อสร้างของภาครัฐไปเริ่มเดินหน้าอย่างเร็วที่สุดในไตรมาส 4 ปีนี้” นายพจน์ กล่าว

นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บลจ.ไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ในปี 2556 กองทุนสำรองเลี้ยงชีพขึ้นมาอยู่ที่ 8.44 หมื่นล้านบาท คิดเป็นอัตราเติบโตประมาณ 30% ในขณะที่อุตสาหกรรมที่โตเพียง 7% และมีส่วนแบ่งทางการตลาดในอันดับ 4

อย่างไรก็ตาม เมื่อสิ้นเดือน ม.ค. 2557 มูลค่าสินทรัพย์กองทุนสำรองเลี้ยงชีพของ บลจ.ไทยพาณิชย์ เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2556 ประมาณ 1.31 หมื่นล้านบาท มาอยู่ที่ 9.75 หมื่นล้านบาท ทำให้ส่วนแบ่งทางการตลาดขยับมาอยู่ในอันดับ 3 ของอุตสาหกรรม และในช่วงที่เหลือของปีนี้เชื่อว่า ลำดับในอุตสาหกรรมจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากไม่มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพขนาดใหญ่หมดสัญญาจ้างบริหาร

นอกจากนี้ นางโชติกา กล่าวถึงการเสนอขายกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ว่า ต้องรอจังหวะที่เหมาะสม เนื่องจากในปัจจุบันสถานการณ์การลงทุนในไทยและต่างประเทศมีความผันผวนสูง และเชื่อว่า ในอุตสาหกรรมจะมีกองทุนอสังหาริมทรัพย์และกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (รีทส์) ที่ได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จำนวนมากที่รอการเสนอขาย เมื่อเห็นบรรยากาศในการลงทุนดีขึ้น

ทั้งนี้ เมื่อสิ้นปี 2556 มูลค่าทางตลาดของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานของ บลจ.ไทยพาณิชย์ อยู่ที่ประมาณ 1.4 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 153% จาก 4.1 หมื่นล้านบาท เมื่อสิ้นปี 2555

“ปีนี้อุตสาหกรรม บลจ. จะมาแข่งขันกันที่กองทุนรวม โดยเฉพาะเมื่อธนาคารพาณิชย์ไม่มีการแข่งขันด้านดอกเบี้ยเพื่อระดมเงินฝากเหมือนในปีที่ผ่านมาจะทำให้เงินไหลกลับมาลงทุนในกองทุนรวม ซึ่งทำให้ บลจ. ที่มีธนาคารเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่จะได้ประโยชน์” นางโชติกา กล่าว

นางโชติกา กล่าวอีกว่า ปีนี้ บลจ.ไทยพาณิชย์ มีเป้าหมายจะเพิ่มสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (เอยูเอ็ม) ให้ขึ้นไปถึง 1 ล้านล้านบาท จาก 8.36 แสนล้านบาท เมื่อสิ้นปี 2556

พร้อมกันนี้ นางโชติกา แนะนำนักลงทุนให้กระจายไปลงทุนหุ้นต่างประเทศ โดย เฉพาะประเทศพัฒนาแล้ว เช่น ยุโรป สหรัฐอเมริกา และ ญี่ปุ่น และอาจกระจายไปยังกองทุนทางเลือก เช่น กองทุนอสังหาริมทรัพย์ในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งกองทุนหุ้นที่มีการจ่ายปันผลสูงอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากในครึ่งแรกของปีนี้ตลาดหุ้นไทยจะผันผวนสูงและให้ผลตอบแทนค่อนข้างจำกัด