posttoday

ลุ่มน้ำโขงตกลงเร่งพัฒนาระบบขนส่งร่วมกัน

22 พฤศจิกายน 2556

เอดีบีเผยคืบหน้าร่วมมือลุ่มน้ำโขง เห็นชอบเร่งการพัฒนาระบบขนส่งและการค้าชายแดนระหว่างกัน ตามแผนปฏิบัติการ 2556-2559

เอดีบีเผยคืบหน้าร่วมมือลุ่มน้ำโขง เห็นชอบเร่งการพัฒนาระบบขนส่งและการค้าชายแดนระหว่างกัน ตามแผนปฏิบัติการ 2556-2559

วันนี้ ธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) สำนักงานใหญ่ มะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ แถลงความคืบหน้าความร่วมมือกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (Greater Mekong Subregion : GMS) ในการประชุมคณะกรรมการร่วมความตกลงด้านการขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มน้าโขง ครั้งที่ 4 (4th Joint Committee Meeting for the GMS Cross Border Transport Agreement: CBTA) ณ กรุงเนปิดอว์ สาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า ว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมจากกลุ่มประเทศ GMS ได้เห็นชอบแผนปฏิบัติการ 3 ปี (พ.ศ. 2556-2559) เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานตามมาตรการอำนวยความสะดวกด้านการขนส่งและการค้าในระยะต่อไป

ทั้งนี้ ความตกลงด้านการขนส่งฉบับนี้มีการให้สัตยาบันในปี พ.ศ. 2556 ซึ่งเป็นพิมพ์เขียวสำหรับมาตรการที่ไม่ใช่ด้านโครงสร้างพื้นฐาน (non-physical measures) แต่เป็นการอำนวยความสะดวกที่จำเป็นต่อการส่งเสริมการขนส่งทางบกข้ามพรมแดน รวมทั้งระบบตรวจศุลกากรร่วมกัน ณ จุดเดียว ระหว่างประเทศที่มีพรมแดนติดกัน (single stop customs inspections) โดยแผนปฏิบัติการ 3 ปีนี้ มีเป้าหมายเพื่อเร่งการดำเนินงานของความตกลงทวิภาคีด้านระบบจราจรระหว่างจีนและพม่า และระหว่างพม่าและไทย

รวมถึงการดำเนินงานแบบไตรภาคีระหว่างจีน ลาว และไทย และระหว่างกัมพูชา ลาว และไทย ขณะเดียวกันก็มีวัตถุประสงค์เพื่อขยายเส้นทางการขนส่งและการค้า เพิ่มโควต้าการขนส่งที่ได้รับอนุญาตภายใต้การแลกเปลี่ยนระบบจราจร ปรับปรุงและพัฒนากระบวนการด้านศุลกากร ตลอดจนสนับสนุนการจัดตั้งกลไกการประกันภัยยานพาหนะข้ามพรมแดนระหว่างกันด้วย

นอกจากนี้ GMS ยังได้รับการสนับสนุนจากหุ้นส่วนการพัฒนาอื่นๆ ซึ่งเอดีบีในฐานะเลขานุการคณะกรรมการร่วมฯ หุ้นส่วนการพัฒนาที่สาคัญของ GMS และ Australian Aid Program ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553 ได้เริ่มดำเนินการเกี่ยวกับความตกลงทวิภาคีด้านการขนส่งและระบบจราจร (traffic rights) ความตกลงเพื่อขยายระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตกให้รวมไปถึงเมืองหลวงและท่าเรือน้าลึกที่สำคัญ ตลอดจนการมีช่องทางให้ความรู้เกี่ยวกับการอานวยความสะดวกด้านการขนส่งและการค้า ซึ่งหนึ่งในความสำเร็จที่สำคัญในช่วงที่ผ่านมาคือ การที่ประเทศจีนและเวียดนามสามารถตกลงกันได้ที่จะอนุญาตให้รถบรรทุกและรถบัสโดยสารของทั้งสองประเทศสามารถเดินทางเข้าออกเขตแดนของตนเองได้บนเส้นทาง 1,300 กิโลเมตร เป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวและการค้าระหว่างกันมากขึ้น

นายเจมส์ ลันช์ (James Lynch) ผู้อำนวยการ ด้านความร่วมมือภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของเอดีบี กล่าวว่า การค้า การท่องเที่ยว และการลงทุนภายในภูมิภาคเป็นสิ่งจำเป็นในการส่งเสริมการเติบโตและมาตรฐานการครองชีพในอนุภูมิภาค ซึ่งการที่ GMS ตกลงร่วมกันที่จะเร่งดำเนินการและปรับปรุงประสิทธิภาพมาตรการอำนวยความสะดวกด้านการคมนาคมขนส่งและการค้า ตลอดจนเร่งดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อปรับเปลี่ยนระเบียงการขนส่ง (transport corridors) ไปสู่ระเบียงเศรษฐกิจ (economic corridors) ตามการสนับสนุนโครงการความร่วมมือทางเศรษฐกิจลุ่มน้าโขง (GMS Economic Cooperation Program)ของเอดีบี จะช่วยพัฒนาแนวทางการเพิ่มความแข็งแกร่งของการเชื่อมโยงด้านการขนส่ง การค้า และการท่องเที่ยว เพื่อสนับสนุนความสามารถในการแข่งขัน พัฒนาการเข้าถึงบริการทางสังคมต่างๆ เพิ่มความมั่นคงและการเข้าถึงแหล่งพลังงาน และปกป้องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

ทั้งนี้ ประเทศสมาชิก GMS ประกอบไปด้วย กัมพูชา ลาว พม่า ไทย เวียดนาม มณฑลยูนนาน และเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง ของจีน อนุภูมิภาค GMS ผูกพันกันด้วยแม่น้าโขง โดยมีพื้นที่ประมาณขนาดของทวีปยุโรปตะวันตก และมีประชากรรวมกันมากกว่าสหรัฐอเมริกา