posttoday

คาดผลงานSCCไตรมาส3ดี

10 ตุลาคม 2556

โดย...บล.ทิสโก้ / บล.เอเซีย พลัส

โดย...บล.ทิสโก้ / บล.เอเซีย พลัส

นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ และ บล.เอเซีย พลัส คาดว่าผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2556 บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) จะออกมาดีมีกำไร 9,100-9,200 ล้านบาท

บล.ทิสโก้ คาดว่า SCC จะมีกำไรเพิ่มขึ้น 41.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 8.3% จากไตรมาส 2 มามีกำไรสุทธิที่ 9,100 ล้านบาท จากส่วนต่างราคาปิโตรเคมีที่สูงขึ้น ความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ที่แข็งแกร่ง/ราคาปูนซีเมนต์ที่สูงขึ้น และมีกำไรพิเศษการปรับมูลค่าเงินลงทุนใหม่ ส่วนการลดลงรายไตรมาส หลักๆ จากไม่มีเงินปันผลรับ, ในไตรมาส 2 บริษัทได้รับเงินชดเชยประกันภัย 2,900 ล้านบาท และกลุ่มธุรกิจกระดาษที่มีกำไรลดลงจากความต้องการและราคาผลิตภัณฑ์ที่อ่อนตัว

นอกจากนั้นยังมองว่าแนวโน้มกำไรไตรมาส 4 ยังคงอ่อนตัวลงจากไตรมาส 3 หลักๆ จากความต้องการในทุกผลิตภัณฑ์ที่ลดลงตามปัจจัยฤดูกาล และการปิดโรงงานนาฟทาแห่งที่ 2 เพื่อซ่อมบำรุง 45 วัน

อย่างไรก็ดี แนวโน้มกำไรโดยรวมยังสดใสจากส่วนต่างราคาปิโตรเคมีที่จะเพิ่มขึ้นในปี 2557-2558 จากแนวโน้มความต้องการที่ขยายตัวเร็วกว่าการผลิต และความต้องการปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างที่จะสูงขึ้นตามการลงทุนโครงการภาครัฐขนาดใหญ่

บล.ทิสโก้ ยังแนะนำให้ “ซื้อ” โดยมีมูลค่าเหมาะสม 526 บาท (EV/CE) ปัจจัยเสี่ยงคือความผันผวนของเศรษฐกิจ, การลดลงของส่วนต่างราคาปิโตรเคมี, ต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น และความไม่แน่นอนทางการเมือง

นอกจากนั้น การก่อสร้างยังคงได้รับแรงหนุนต่อเนื่องจากภาคการก่อสร้างในประเทศที่เติบโต ซึ่งทำให้ปริมาณการใช้ปูนซีเมนต์ช่วงเดือน ก.ค.-ส.ค. 2556 ปรับตัวขึ้นกว่า 9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน รวมถึงการจัดทำงบการเงินรวมกับบริษัท Siam Sanitary Ware และ Siam Sanitary Fitting หลังการปรับโครงสร้างการถือหุ้นช่วงต้นไตรมาส 3 ซึ่งจะทำให้ SCC มีการบันทึกกำไรพิเศษจากการเปลี่ยนวิธีบันทึกบัญชีเข้ามาจำนวน 1,500 ล้านบาท

สำหรับธุรกิจกระดาษมีปัจจัยลบจากภาคส่งออกของประเทศที่ชะลอตัว ทำให้ความต้องการใช้กระดาษบรรจุภัณฑ์ลดลง

นักวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส คาดว่างวดไตรมาส 3 SCC จะมียอดขาย 1.1 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% จากไตรมาส 2 และมีกำไรจากการดำเนินงาน 7,700 ล้านบาท แต่ถ้ารวมกำไรพิเศษ 1,500 ล้านบาท จะมีกำไรสุทธิ 9,200 ล้านบาท ลดลง 7% จากไตรมาส 2

การประกาศแผนการลงทุน 5 ปี (2557-2561) ของ SCC มูลค่ารวมกว่า 2.5 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นงบลงทุนสำหรับโครงการต่อเนื่องและโครงการที่ได้รับอนุมัติไปแล้วก่อนหน้านี้ เช่น โครงการ Petrochemical Complex ในประเทศเวียดนาม และโรงงานปูนซีเมนต์ในพม่าและอินโดนีเซียถือเป็นการตอกย้ำนโยบายของบริษัทที่ต้องการรักษาความเป็นผู้นำในอาเซียน สำหรับแหล่งเงินที่ใช้จะมาจากกระแสเงินสดภายในบริษัทที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการเริ่มต้นเข้าสู่วงจรขาขึ้นรอบใหม่ของธุรกิจปิโตรเคมีตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นไป บวกกับผลตอบแทนจากการลงทุนตลอดช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการทำการซื้อกิจการที่สามารถสร้างกระแสเงินสดคืนกลับมาให้กับ SCC ได้ทันที

นักวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส คาดว่าทิศทางธุรกิจของ SCC สดใส พร้อมเติบโตอย่างแข็งแกร่งในระยะยาวและคงคำแนะนำซื้อ โดยคาดว่าปี 2556 SCC จะมีกำไรสุทธิ 38,703 ล้านบาท และจะเพิ่มเป็น 44,222 ล้านบาท ในปี 2557 จากการเก็บเกี่ยวผลตอบแทนจากการลงทุนที่ผ่านมาโดยเฉพาะธุรกิจปิโตรเคมี ที่จะเริ่มเข้าสู่ช่วงวงจรขาขึ้นรอบใหม่อีกครั้งในปีหน้า จึงแนะนำซื้อ โดยกำหนดมูลค่าที่เหมาะสม ด้วยวิธีส่วนลดกระแสเงินสด จะให้ราคาเหมาะสม 545 บาท เทียบเท่าสัดส่วนราคาต่อกำไร (พีอี) 16.9 เท่า มีโอกาสปรับขึ้นจากราคาปัจจุบัน 27% บวกกับผลตอบแทนจากเงินปันผลอีกประมาณ 3%