posttoday

ท่องเที่ยว-สายการบินได้ดี

26 กันยายน 2556

โดย...บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส

โดย...บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส
 
ผลจากการที่นายกรัฐมนตรีเร่งรัดให้กระทรวงการคลังสรุปแผนกระตุ้นการท่องเที่ยว โดยเฉพาะแผนปรับลดภาษีสินค้าฟุ่มเฟือยจาก 30% เหลือ 5% ให้เสร็จภายในเดือน ต.ค. 2556 นี้ เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติก่อนประกาศใช้อย่างเป็นทางการในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว ทำให้นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ดีบีเอส วิคเคอร์ส คาดว่า กลุ่มสายการบิน ท่องเที่ยว และโรงแรม จะได้รับประโยชน์โดยตรงจากมาตรการลดภาษีดังกล่าว โดยจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะจากเอเชียเข้ามาในไทยเพิ่มขึ้น นอกจากนั้นยังมีอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องได้รับผลดีด้วย เช่น สุขภาพ บันเทิง กีฬา เป็นต้น

บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ยังคงให้น้ำหนักการลงทุนมากกว่าตลาดสำหรับกลุ่มท่องเที่ยว โรงแรม และสายการบิน โดยหุ้นเด่นในกลุ่มนี้ ได้แก่

บริษัท ท่าอากาศยานไทย (AOT) คาดราคาเป้าหมาย 242 บาท โดยผลประกอบการไตรมาส 3/2556 ออกมาน่าประทับใจ กำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้น 57% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 15% จากไตรมาส 2 ตามช่วงของฤดูกาลสู่ระดับ 2,700 ล้านบาท

โดยมีสาเหตุหลักจาก

ประการแรก ความต้องการท่องเที่ยวในประเทศไทยที่ขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง ผลักดันปริมาณการจราจรทางอากาศ ซึ่งทำให้รายได้จากกิจการการบิน (Aeronautics) เพิ่มสูงขึ้น

ประการที่สอง รายได้ส่วนแบ่งผลประโยชน์ แข็งแกร่ง (+19% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน) สอดคล้องกับการเติบโตของจำนวนเที่ยวบินและการรับรู้รายได้ที่เพิ่มขึ้นจากท่าอากาศยานดอนเมือง (DMK) ซึ่งกลับมาเปิดให้บริการในเดือน ต.ค. 2555 ในฐานะสนามบินระหว่างประเทศ

ประการที่สาม อัตรากำไรที่ขยายตัวดีขึ้น นอกจากนั้นกำไรสุทธิได้แรงหนุนจากรายการพิเศษ 412 ล้านบาท ซึ่งมาจากกำไรอัตราแลกเปลี่ยน 437 ล้านบาท จากการป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของค่าเงิน โดยบริษัทได้เพิ่มสัดส่วนการป้องกันความเสี่ยงภาระหนี้สกุลเงินเยนเป็น 94% จาก 78% ในเดือน พ.ค. (ใช้สัญญาแลกเปลี่ยนสกุลเงิน (Cross Currency Swap) และสัญญาแลกเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ย (Interest rate Swap) ที่มีลักษณะเดียวกัน) กำไรจากการขายสินทรัพย์ 5.8 ล้านบาท และสำรอง   การด้อยค่าของสินทรัพย์สุทธิ 31.1 ล้านบาท ซึ่งหากนับรวมรายการพิเศษดังกล่าว กำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้นกว่า 4 เท่าตัว จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 3,200 ล้านบาท แนวโน้มยังไปได้ดี โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติยังคงเข้ามาในไทยอย่างแข็งแกร่ง จึงแนะนำซื้อ ให้ราคาเป้าหมาย 242 บาท

สำหรับผลกระทบจากข่าวว่าจะไม่ให้เอเยนซีที่จัดทัวร์นักท่องเที่ยวจีนรับเงินร้านค้าแล้วไปลดค่าทัวร์ให้ต่ำลง ซึ่งจะทำให้นักท่องเที่ยวจีนลดลง 20-30% โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2556 นี้นั้นไม่มาก โดยคาดว่าหากนักท่องเที่ยวจากจีนลดลง 30% ก็จะกระทบรายได้บริษัทเพียง 3% เท่านั้น (ปัจจุบันบริษัทมีปริมาณผู้โดยสารต่างชาติราว 60% ของปริมาณผู้โดยสารทั้งหมด และนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เข้ามาในไทยคิดเป็น 18% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด)

บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) ให้ราคาเป้าหมาย 32 บาท ผลประกอบการไตรมาส 2/2556 แข็งแกร่งตามคาด MINT รายงานกำไรที่แข็งแกร่งในไตรมาส 2/2556 โดยกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 23% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 429 ล้านบาท โดยเป็นผลจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในทุกธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรมในประเทศที่ลงทุนเอง ซึ่งได้รับประโยชน์จากความต้องการเดินทางที่เติบโตอย่างรวดเร็ว (จำนวน   ผู้เดินทางเข้าประเทศในไตรมาส 2/2556 +21%) และแม้ว่าการบริโภคจะเริ่มชะลอตัวลงหลังจากแตะระดับสูงในปีก่อน

กำไรของธุรกิจอาหารด่วน (Quick Service Restaurant : QSR) จะยังมีเสถียรภาพ ขณะที่ยอดขายสมาชิก Anantara Vacation Club (AVC) และยอดจองห้องพักของ St. Regis Residence จะยังแข็งแกร่งต่อเนื่อง แนวโน้มสดใส ผลการดำเนินงานของธุรกิจโรงแรมจะยังคงได้แรงหนุนจากการท่องเที่ยวที่เติบโตแข็งแกร่งและธุรกิจ QSR ยังมีแนวโน้มที่ดีจากแผนการตลาดและกลยุทธ์ในการกระตุ้นการบริโภคที่มีประสิทธิภาพของ MINT แนะนำซื้อ ให้ราคาเป้าหมาย 32 บาท

บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซ่า (CENTEL) (ราคาปิด 36.50 บาท ราคาเป้าหมาย 42.50 บาท) : ผลประกอบการครึ่งปีหลังยังแข็งแกร่ง ท่ามกลางการคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและแนวโน้มการบริโภคที่อ่อนแอลงในช่วงครึ่งปีหลัง การดำเนินงานของ CENTEL จะยังคง   แข็งแกร่ง โดยธุรกิจโรงแรมยังคงมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ย (Average Occupancy Rate : AOR) เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดย AOR ในเดือน ก.ค. อยู่ที่ระดับ 80% เทียบกับ 66% ในเดือน ก.ค.ปีก่อน ส่วนรายได้เฉลี่ยต่อห้อง (Revenue Per Available Room : RevPar) น่าจะเติบโตก้าวกระโดดอย่างน้อย 30% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยจะได้แรงหนุนจาก

1.ความต้องการเดินทางที่แข็งแกร่งและการเติบโตที่แข็งแกร่งของกลุ่มตลาด MICE (Meeting, Incentive, Convention และ Exhibition)

2.การรับรู้รายได้จากโรงแรมที่ลงทุนเองในมัลดีฟส์ทั้งสองแห่ง (จัดทำ   งบการเงินรวมตั้งแต่ไตรมาส 2/2556) ซึ่งมีผลการดำเนินงานที่ดีกว่า   เป้าหมายที่บริษัทคาดไว้ ด้วยอัตราการจองห้องพักที่สูงถึง 80-90% ในช่วงครึ่งหลังปี 2556 ขณะที่ธุรกิจอาหารด่วน (Quick Service Restaurant : QSR) มีอัตราการเพิ่มของยอดขายของสาขาเดียวกัน (SSSG) ที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในเดือน ก.ค.

สำหรับแบรนด์หลักอย่าง KFC, Aunties Anne’s, Mister Donut   และ Ottoya, จากความความสำเร็จในการทำการส่งเสริมการขายและ การทำการตลาดเชิงรุก เช่น การเสนอเมนูใหม่สุดคุ้ม แนะนำซื้อ ราคา  เป้าหมาย 42.50 บาท