posttoday

แนวโน้มหุ้นถ่านหิน

12 กันยายน 2556

โดย...สุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ และหัวหน้าฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

โดย...สุกิจ อุดมศิริกุล กรรมการผู้จัดการ และหัวหน้าฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

สวัสดีครับทุกท่าน...ก่อนที่ผมจะวิเคราะห์ถึงแนวโน้มหุ้นถ่านหิน ผมขอเริ่มด้วยการวิเคราะห์แนวโน้มตลาดหุ้นในสัปดาห์หน้าสักเล็กน้อย ทั้งนี้ ยืนยันว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับตลาดหุ้นไทยในเดือนนี้ถือว่าไม่ใช่เรื่องที่ผิดไปจากการคาดการณ์ เนื่องจาก ผมได้เคยคาดการณ์ไว้แล้วว่าตลาดฯ มีแนวโน้มผันผวนและเปราะบางมากในช่วงไตรมาสที่ 3/2556 โดยมีปัจจัยกดดันหลัก คือ ความกังวลเกี่ยวกับการหยุดมาตรการ QE ของสหรัฐ ส่วนปัจจัยที่เข้ามาเพิ่มแรงกดดัน ได้แก่ การชะลอตัวของเศรษฐกิจไทย อินโดนีเซีย และ อินเดีย รวมถึง กรณีซีเรีย ทั้งนี้ ปัจจัยหลังเริ่มลดแรงกดดันต่อตลาดหุ้นแล้ว ดังจะเห็นได้ว่าเงินทุนต่างชาติเริ่มไหลกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นในกลุ่ม TIP โดยส่งผลให้ตลาดหุ้นในกลุ่ม TIP ฟื้นตัวขึ้นมาแล้วเกือบ 10%

ผมคิดว่า การฟื้นตัวของ SET Index ขึ้นมาบริเวณ 1,400 จุด นั้น ถือว่าเหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานในปี 2556 แล้ว เพราะมีค่า PER ประมาณ 13.50 เท่า จากการคำนวณโดยใช้กำไรสุทธิต่อหุ้นเฉลี่ยสำหรับปี 2556 ที่รวบรวมโดย Bloomberg ประกอบกับในสัปดาห์หน้าจะมีการประชุม FOMC วันที่ 17-18 ก.ย. ซึ่งจะทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกมีโอกาสผันผวนอีกครั้ง ถึงแม้ความผันผวนไม่น่าจะมากเนื่องจากตลาดฯ ได้ซึมซับปัจจัยดังกล่าวมาแล้วตั้งแต่เดือน พ.ค. แต่ผมเชื่อว่านักลงทุนน่าที่จะเลือกรอดูสถานการณ์มากกว่า ส่วนผลการประชุมไม่ว่าจะดีหรือแย่กว่าที่คาดการณ์ก็คงจะทำให้ตลาดหุ้นในช่วงที่เหลือของเดือน ก.ย. ผันผวนต่อไป แต่ผมเชื่อมั่นว่าตลาดฯ จะเริ่มดีขึ้นในไตรมาสที่ 4/2556 ตามที่เคยคาดการณ์ โดยหวังว่าจะได้รับปัจจัยหนุนเกี่ยวกับความคืบหน้าของโครงการ 2 ล้านล้านบาทในไม่ช้าครับ

แนวโน้มหุ้นถ่านหิน

หุ้น BANPU ถือได้ว่าเป็นหุ้นหนึ่งที่แข็งแกร่งกว่าตลาดฯ ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา หากเทียบกับการที่ตลาดฯ ลดลง 3% แต่ราคาหุ้น BANPU ปรับตัวเพิ่มขึ้น 25% ภาพดังกล่าวทำให้นักลงทุนเริ่มเกิดคำถามแล้วว่า การเพิ่มขึ้นของราคาหุ้น BANPU เกิดจากปัจจัยอะไรกันแน่ ซึ่งผมขอแบ่งออกเป็นปัจจัยง่ายๆ 2 ปัจจัย คือ 1) ปัจจัยพื้นฐานของธุรกิจถ่านหิน หรือ 2) การซื้อเก็งกำไร

สำหรับคำตอบของผม คือ การซื้อเก็งกำไร โดยมีปัจจัยหนุนจากการที่ราคาหุ้นลดลงมามากและนาน จากแรงขายของนักลงทุนต่างชาติจนทำให้สัดส่วนการถือครองหุ้นของนักลงทุนต่างชาติลดลงจากกว่า 40% เหลือต่ำกว่า 20% รวมถึง หากดูข้อมูลการซื้อขายผ่าน NVDR (นับตั้งแต่ต้นปี-วันที่ 10 ก.ย.) พบว่า BANPU เป็นหุ้นที่ถูกขายมากที่สุดเป็นอันดับ 4 ดังนั้น ก็น่าจะสรุปได้ว่า การเพิ่มขึ้นของหุ้น BANPU ในรอบนี้ไม่ได้เป็นแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติแต่เป็นนักลงทุนในประเทศเป็นหลัก ซึ่งผมคาดว่านักลงทุนในประเทศคงประเมินว่า หุ้น BANPU เป็นหุ้นที่ไม่น่าจะมีแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติอีกมากแล้ว ซึ่งทำให้กลายเป็นจุดสนใจของนักลงทุนในประเทศที่ชอบหุ้นที่ราคาไม่แพง มีเงินปันผลให้พอสมควร อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นถ่านหินไม่ได้เกิดเฉพาะตลาดหุ้นไทยแต่เกิดขึ้นในตลาดหุ้นอื่นๆ ด้วย โดยเฉพาะ ตลาดหุ้นอย่างอินโดนีเซีย พบว่า ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาราคาหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวดีกว่าตลาดฯ ถึง 18% ถือว่าแข็งแกร่งมากเพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าตลาดหุ้นอินโดนีเซียในช่วงที่ผ่านมามีการปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง ทั้งนี้ ปัจจัยหนุนร่วมกันของตลาดหุ้นไทยกับอินโดนีเซีย คือ ความหวังว่าเศรษฐกิจจีนจะฟื้นตัว หลังจากตัวเลขเศรษฐกิจเดือน ส.ค.ออกมาฟื้นตัวในทุกๆ ภาคของธุรกิจ

ทางด้านปัจจัยพื้นฐานของธุรกิจถ่านหิน พบว่า ยังคงดูไม่ดี โดยเฉพาะในประเด็นเกี่ยวกับแนวโน้มราคาถ่านหินที่ทางทีมนักวิเคราะห์ของ MBKE ทั้งในประเทศไทยและในอินโดนีเซียเห็นตรงกันว่ายังคงอยู่ในช่วงขาลงในช่วง ปี 2556-2557 เนื่องจากปัจจัยในด้านอุปทานที่ยังคงเพิ่มขึ้นเร็วกว่าอุปสงค์ โดยพบว่าในช่วง 5 เดือนของปี 2556 ประเทศอินโดนีเซียส่งออกถ่านหินในปริมาณที่สูงกว่าที่คาดการณ์ แต่ในระยะสั้นหุ้นถ่านหินจะมีปัจจัยหนุนจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นในช่วงเข้าใกล้ฤดูหนาวซึ่งจะทำให้ความต้องการถ่านหินเพิ่มขึ้น จากภาพดังกล่าวทำให้ หุ้นถ่านหินยังไม่ใช่หุ้นที่จะสามารถลงทุนระยะยาวได้ แต่สามารถซื้อเพื่อการเก็งกำไรระยะสั้นได้ครับ ทั้งนี้ MBKET แนะนำ ซื้อเก็งกำไรหุ้น BANPU โดยประเมินมูลค่าที่เหมาะสมไว้ที่ 295 บาท ประเมินอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลประมาณ 3.5%

แล้วพบกันใหม่สัปดาห์หน้าครับ...ทั้งหมดเป็นความเห็นส่วนตัวของผมเอง